“ฆาตกรปลาหมอ” ตายเพราะปาก

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
7 เมษายน 2558

          ฆาตกร 3 ศพคาดไม่ถึงว่าการออกโทรทัศน์เพื่อแก้ต่างข้อกล่าวหาจะทำให้ตนเองถึงจุดจบเพราะเผลอรำพึงสารภาพโดยลืมไปว่ายังไม่ได้ถอดไมโครโฟนชนิดไร้สายออก ดังนั้นจึงเท่ากับบอกความจริงต่อหน้าคนดูรายการทั้งประเทศ

          Robert Durst ทายาทมหาเศรษฐีอเมริกันวัย 71 ปี ยินดีให้ HBO สัมภาษณ์ในรายการสารคดี “The Jinx: The Life and Deaths of Robert Durst” โดยแบ่งออกเป็น 6 ตอน ตอนสุดท้ายคือตอนที่มีคำสารภาพซึ่งออกอากาศไปเมื่อกลางเดือนมีนาคม 2015

          ชีวิตของ Robert นั้นแปลกอัศจรรย์ โลดโผน โหดร้ายทารุณอย่างเหลือเชื่อ เมื่อตอนอายุ 7 ขวบ เขาเห็นแม่กระโดดหรือพลาดตกลงมาจากยอดตึกของคฤหาสน์ครอบครัวเสียชีวิตจนเขาต้องเข้ารับการบำบัดจิตอยู่ระยะหนึ่ง

          พ่อของ Robert ร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปู่ของเขาเป็นยิวยากจนที่อพยพจาก Austria-Hungary แต่สามารถสร้างตัวได้อย่างประสบผลสำเร็จ สามารถตั้ง Durst Organization ซึ่งเป็นธุรกิจใหญ่ของครอบครัวใน ค.ศ. 1927

          Robert เรียนจบปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ในปี 1965 จาก Lehigh University ต่อมาเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาเอกทางเศรษฐศาสตร์ที่ UCLA อยู่พักหนึ่งก่อนที่จะใช้ชีวิตอิสระรักสันติภาพเต็มที่ สูบกัญชา บูชากูรู ฯ เช่นคนรุ่นนั้นในสหรัฐอเมริกา

          ในปี 1973 เขาแต่งงานกับ Kathleen McCormack หลังจากปีสุดท้ายที่เธอเรียน จบทันตแพทย์คือ 1982 ก็ไม่มีใครเห็นเธออีกเลย นี่คือศพแรกซึ่งก่อนหน้าเขาอาจ “ซ้อมมือ” ฆ่าเธอด้วยการฆ่าสุนัข เขาเลี้ยงสุนัขพันธุ์ Alaskan Malamutes รวม 7 ตัวต่อเนื่องกัน (ทุกตัวตั้งชื่อว่า Igor) และทุกตัวหายไปอย่างลึกลับในช่วงเวลาก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไป

          Robert กลับมาช่วยงานครอบครัวในนิวยอร์กอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะหายตัวไปหลังจากทะเลาะกับพี่น้อง ศพที่สองของเขาคือผู้หญิงคนใหม่ที่อยู่กับเขานานนับสิบปี เธอชื่อ Susan Berman เป็นญาติกับกลุ่มมาเฟีย แต่มาเฟียก็มาเฟียเถอะไม่สามารถช่วยชีวิตเธอได้เพราะในวันคริสต์มาสอีฟของปี 2000 มีผู้พบศพของเธอถูกยิงที่หัวในสไตล์การฆ่าของแก๊งทรชน

          Robert รู้ว่าตำรวจตามกลิ่นเขาอยู่จากคดีภรรยาหายตัวไป เขาเป็นผู้ต้องสงสัย (ไม่ได้รายงานการหายไปของภรรยาเป็นเวลาถึง 4 วัน) เนื่องจากคำให้การเกี่ยวกับการพบภรรยา ครั้งสุดท้ายของเขาแปรเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และไม่น่าเชื่อถือ Susan ถูกตำรวจเรียกไปให้การคดีฆาตกรรม Kathleen เพราะเชื่อว่า Robert น่าจะเล่าอะไรบางอย่างให้เธอฟัง แต่ก่อนที่เธอจะเดินทางไป ให้การ เธอก็ถูกฆ่าเสียก่อน

          การตายของ Susan ครั้งสุดท้ายทำให้ตำรวจมั่นใจยิ่งขึ้นว่าเขาเป็นฆาตกรจึงตามรอยเขาอยู่ตลอดเวลา ในปี 2000 เดียวกัน Robert แต่งกายเป็นหญิงด้วยเสื้อผ้าปอน ๆ ไปโผล่ขึ้นที่อพาร์ทเม้นท์ถูก ๆ ในเมือง Galveston รัฐเท็กซัส ในนามของ Dorothy Ciner (ชื่อจริงของเพื่อนหญิงในวัยเด็ก)

          อยู่ที่นั่นไม่นานก็เกิดเรื่องขึ้นอีก คือในเดือนกันยายนปี 2001 มีผู้พบชิ้นส่วนร่างกายของชายอายุ 71 ปี ชื่อ Moris Black พัดขึ้นมาบนชายหาด ถึงแม้จะไม่พบท่อนหัวแต่ก็พิสูจน์ได้ว่าเป็นชิ้นส่วนของเพื่อนบ้าน Dorothy (หรือ Robert) ตำรวจพบหยดเลือดเป็นทางระหว่างอพาร์ทเม้นท์ของ Black และ Dorothy

          เมื่อความแตกว่าเขาคือใคร เขาก็ถูกจับข้อหาฆ่า Black แต่ได้ประกันตัวและหนี เขาถูกจับได้ในเวลาไม่กี่เดือนต่อมาเมื่อแอบขโมยแซนวิชจากร้านทั้ง ๆ ที่เขามีเงินในกระเป๋า 500 เหรียญ และยังมีเงินสดอีก 37,000 เหรียญอยู่ในรถ พร้อมกับปืน 2 กระบอก กัญชาและใบขับขี่ของ Black

          Robert จ้างทนายมือดีว่าความให้ เขาให้การยอมรับว่าเป็นคนหั่นร่างของ Black จริงด้วยมีด เลื่อย และขวาน ก่อนที่จะนำไปโยนลงไปในอ่าว แต่ทั้งหมดนี้เขากระทำไปเพื่อป้องกันตัวเองจากชายแก่ขี้โมโหผู้นิยมความรุนแรง

          คณะลูกขุนตัดสินให้เขาหลุดจากข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี แต่เขาติดอยู่เพียงปีเดียวก็ได้ออกมาในปี 2005 โดยมีเงื่อนไขว่าให้อยู่ใกล้บ้านตนเองห้ามเดินทางออกนอกเขตโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่างไรก็ดีเมื่อเขาหลบออกไปซื้อของนอกเขตก็บังเอิญพบผู้พิพากษาซึ่งจำเขาได้ เขาจึงถูกส่งเข้าคุกอีกครั้ง และหลุดออกมาได้อีกในเดือนมีนาคมปี 2006

          เรื่องราวชีวิตของเขาตอนที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าภรรยาถูกนำไปเป็นภาพยนตร์ชื่อ All Good Times ในปี 2010 Robert ถูกใจคนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพราะทำให้เขาดูเป็นพระเอก ดังนั้นเมื่อผู้สร้างหันมาจับงานสารคดีของ HBO เล่าเรื่องชีวิตของเขา เขาจึงร่วมมือเต็มที่และเป็นจุดจบของเขาอย่างนึกไม่ถึง

          เรื่องราวจุดจบเป็นอย่างนี้ครับเมื่อการสัมภาษณ์จบลงเขาก็เข้าห้องน้ำพร้อมทั้งไมโครโฟนลอยโดยลืมนึกไปว่าการบันทึกเสียงก็ยังมีอยู่ เขาไปยืนหน้ากระจกและพูดกับตัวเองว่า “What the hell did I do? …..killed them all, of course” ข้อความที่อัดเสียงได้ชัดเจนนี้เปรียบเสมือนตะปูปิดฝาโลง

          ก่อนหน้าการสัมภาษณ์โดย HBO ไม่ถึง 24 ชั่วโมง เขาถูกจับในข้อหาฆ่า Susan Berman ซึ่งเปรียบเสมือนถูกจับใส่โลงไปแล้ว แต่ก็ไม่หวั่นไหวยังคงให้สัมภาษณ์แก้ต่างอย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ก็คงรำคาญเต็มทีกับข้อกล่าวหาจนไประเบิดออกในห้องน้ำด้วยประโยคทองตอก ฝาโลงของตนเอง

          เหตุใดชีวิตของผู้ได้รับการศึกษามาดี มีครอบครัวที่ดี เติบโตมาอย่างสบายจึงโลดโผน และรุนแรงระดับฆ่าคนตาย 3 คน ซึ่ง 2 คนในจำนวนนี้เป็นคนที่เคยรักใคร่อยู่กินกันมาเป็นระยะเวลานาน

          สิ่งต่อไปนี้มีบทบาทอย่างไร และมากน้อยเพียงใดในการกำหนดชะตากรรมของเขา เช่น การเห็นแม่ตนเองเสียชีวิต การใช้ชีวิตอย่างอิสระในยุคปลายทศวรรษ 1960 อย่างไร้ขีดจำกัด ธรรมชาติของการชอบใช้ความรุนแรง ความเกเรในกมลสันดาน ความเจ็บป่วยของจิตใจ ความขัดแย้งกับผลประโยชน์ในครอบครัว ฯลฯ

          ไม่ว่าปัจจัยใดมีอิทธิพลมากน้อยเพียงไร การฆ่าคน 3 คนก็อภัยให้ไม่ได้ สวรรค์อาจมีตาจนทำให้สุภาษิตไทย “ปลาหมอตายเพราะปาก” เป็นจริงขึ้นมา