“มัธยัสถ์” มิใช่ “ใจแคบ”

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
9 สิงหาคม 2559

          มีงานศึกษาวิจัยเศรษฐีอเมริกันที่รวยจากการสร้างตนเองกว่า 100 คน เมื่อหลาย ปีก่อน คำถามสำคัญหนึ่งก็คืออะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาความร่ำรวยไว้ได้ คำตอบซึ่งตรงกันเกือบทั้งหมดก็คือความมัธยัสถ์ (frugal) ต่อมามีคนเอาแว่นขยายส่องมหาเศรษฐีอเมริกัน 8 คน ก็พบสิ่งที่น่าตกใจยิ่ง

          “มัธยัสถ์” หมายถึงไม่ใช้จ่ายเงินที่ไม่ควรจ่าย หรือไม่สุรุ่ยสุร่าย เศรษฐีบางคนบอกว่าคือการไม่ใช้จ่ายเงินที่ไม่ควรจ่ายอย่างโง่ ๆ คนในโลกตะวันตกมีความรู้สึกเป็นบวกกับ ่มัธยัสถ์่ในขณะที่คนในโลกตะวันออกโดยเฉพาะในบ้านเราเห็นว่าคำนี้น่ารังเกียจเพราะส่อความใจแคบ เห็นแก่ตัว คนลักษณะนี้ไม่น่าคบ และด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันเช่นนี้แหละที่ทำให้เรารักษาความจนไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ

          ในโลกตะวันตก “มัธยัสถ์” คือแบบแผนหนึ่งของการดำรงชีวิตที่แต่ละคนเลือกเอง และคนอื่นควรเคารพการเลือกของเขาด้วย “มัธยัสถ์” ไม่ใช่สิ่งน่ารังเกียจ คนสุรุ่ยสุร่ายที่ใจแคบ เห็นแก่ตัวมีอยู่ถมไป ในขณะที่คนมัธยัสถ์เป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ก็มีให้เห็น คนไทยส่วนใหญ่สับสนระหว่างความตระหนี่ชนิดใจแคบกับความมัธยัสถ์

          ลองมาดูกันว่าเหตุใดจึงน่าตกใจกับความมัธยัสถ์ของมหาเศรษฐี 8 คน นี้ คนแรก คือWarren Buffett ประธานกรรมการ บริษัท Berkshire Hathaway อดีตมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก มีสินทรัพย์สุทธิ 68,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.38 ล้าน ๆ บาท) เขาได้ชื่อว่าเป็นคนมัธยัสถ์สุด ๆ พร้อมกับมีปัญญาที่เฉียบแหลมและมีใจกว้างราวมหาสมุทร เขาบริจาคทรัพย์สินเกือบทั้งหมดให้สาธารณะผ่านมูลนิธิของ Bill Gates

          เขากินอาหารฟาสต์ฟูดประจำพร้อมกับมันฝรั่งทอดและโค้ก อยู่บ้านหลังเดิมที่ซื้อมาตั้งแต่ปี 1958 ไม่มีโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน เขาอธิบายว่าคุณภาพชีวิตของเขามิได้ถูกกระทบโดยจำนวนเงินที่มี “ชีวิตผมจะไม่สุขกว่านี้ถ้ามีบ้าน 6 หรือ 8 หลัง ผมมีทุกอย่างที่ผมต้องการแล้ว และไม่ต้องการอะไรอีกเพราะมันไม่มีอะไรแตกต่างเมื่อมีเกินจุดหนึ่งไปแล้ว”

          รายที่สอง คือ Mark Zuckerberg เจ้าของ Facebook มีมูลค่าสุทธิ 51,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.8 ล้าน ๆ บาท) เขามีชีวิตครอบครัวแบบเงียบ ๆ กับภรรยาและลูกสาว ไปไหนก็ใส่เสื้อยืดแขนสั้น นุ่งกางเกงยีนส์ ขับรถโฟล์กสวาเกนชนิดเกียร์มือด้วยตัวเอง ความร่ำรวยมิได้มีผลต่อชีวิตของเขา เขาบอกว่าตลอดชีวิตจะบริจาคร้อยละ 99 ของหุ้น Facebook ที่มีทั้งหมด ปัจจุบันเขามีอายุ 32 ปี

          รายที่สาม Carlos Slim Helú ผู้ก่อตั้ง Grupo Carso มีสินทรัพย์สุทธิมูลค่า 31,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.1 ล้าน ๆ บาท) ชายอายุ 76 ปี ชาวเม็กซิโกผู้นี้อยู่ในบ้านหลังเดิมฃึ่งมี 6 ห้องนอนที่อยู่มากว่า 40 ปี เขาเอาเงินปันผลจากบริษัทที่มีมากมายใส่เข้าไปในเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นเสมอ เขาไม่มีเครื่องบินส่วนตัว ไม่มีเรือยอร์ช มีแค่รถเบนซ์เก่า ๆ ที่ใช้ขับไปทำงาน เขาสอนลูกน้องให้มัธยัสถ์ ในยามที่มีเงินทองเพื่อเก็บไว้ใช้ยามที่ยากลำบาก สิ่งเดียวที่เขายอมจ่ายเงินก็คือกินเลี้ยงอาหารที่บ้านกับ ลูก ๆ หลาน ๆ

          รายที่สี่ คือ Charlie Ergen ประธานกรรมการ Dish Network มีทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 14,400 ล้านเหรียญสหรัฐ (504,000 ล้านบาท) เขามีชื่อเสียงในการทำธุรกิจอย่างประหยัดเช่นเดียวกับการใช้ชีวิต เขาบอกว่าชีวิตเขาลำบากมากตอนเด็กจึงทำให้ติดนิสัยมา ทุกกลางวันเขาจะเอาแซนวิชใส่ถุงไปกินที่ทำงาน เมื่อเดินทางเขาก็จะพักห้องเดียวกับเพื่อนร่วมงานเพื่อประหยัดเงินบริษัท

          ผู้ก่อตั้ง Inditex ซึ่งเป็นเจ้าของ Zara เสื้อผ้ายี่ห้อดัง คือ Amancio Ortega คือรายที่ห้า เขามีสินทรัพย์สุทธิ 71,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (2.49 ล้าน ๆ บาท) ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นคนรวยติดอันดับสูงสุดของโลก แต่เขาก็ใช้ชีวิตอย่างที่เคยเป็นมาก่อนร่ำรวย เขามีความเป็นส่วนตัวสูงมากมายาวนาน บ่อยครั้งที่เขาหลบเข้าไปอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เงียบ ๆ ในสเปนกับภรรยา เขากินอาหารกลางวันกับเพื่อนร่วมงานใน โรงอาหารของบริษัท และกินกาแฟร้านเดิมอยู่เป็นประจำ

          เจ้าพ่อแฟชั่นสเปนคนนี้แต่งตัวธรรมดา ๆ ทุกวัน ใส่เสื้อเบลเซอร์สีน้ำเงิน เสื้อเชิ้ตขาว และกางเกงสีเทาไปทำงาน บางคนบอกว่าเขาไม่มัธยัสถ์เพราะมีเครื่องบินส่วนตัวราคา 45 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,575 ล้านบาท) แต่นั่นคือสิ่งเดียวที่เขายอมเพราะมีความสุขกับมัน

          รายที่หก คือ Ingvar Kamprad ผู้ก่อตั้ง Ikea มีสินทรัพย์สุทธิมูลค่า 39,300 ล้านเหรียญสหรัฐ (1.38 ล้าน ๆ บาท) ถึงแม้จะเป็นคนที่รวยที่สุดคนหนึ่งของยุโรป เขามักบินไปไหนในชั้นประหยัดและกินอาหารกลางวันในโรงอาหารของ Ikea เมื่อตอนรวยใหม่ ๆ นักธุรกิจสวีเดนคนนี้ขับรถ Porsche และใส่เสื้อสูทราคาแพง แต่หลังจากค้นพบสัจธรรมแล้วเขาขับรถ Volvo เก่า ๆ อายุเป็นสิบปี และบ่อยครั้งนั่งรถเมล์ด้วย ปัจจุบันเขาอายุ 90 ปี เพิ่งได้เดินทางกลับบ้านในปี 2014 หลังจากหนีภาษีสูงหูฉี่อยู่ในสวิสเซอร์แลนด์ 40 ปี และบ้านที่เขากลับไปอยู่นั้นเป็นบ้านชั้นเดียวที่แสนธรรมดา

          Azim Premji ประธานกรรมการ Wipro เป็นเศรษฐีอินเดียที่รวยที่สุดคนหนึ่ง มีทรัพย์สินสุทธิ 16,600 ล้านเหรียญสหรัฐ (581,000 ล้านบาท) มีฉายาว่า “มหาเศรษฐีกระดูกล้วน ๆ” เพราะถึงแม้จะอายุ 70 ปี เวลาเขาเดินทางจากสนามบินกลับบ้านก็จะนั่งรถตุ๊ก ๆ อินเดีย เขาบินชั้นประหยัด ขับรถมือสอง และเตือนพนักงานที่ทำงานให้ปิดไฟอยู่เสมอ พร้อมกับกำชับเรื่องการใช้กระดาษชำระของสำนักงาน

          คนสุดท้ายรายที่แปด คือ Judy Faulkner ผู้ก่อตั้ง Epic Systems มีทรัพย์สินสุทธิมูลค่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (87,500 ล้านบาท) ธุรกิจของเธอคือการขายซอฟแวร์เกี่ยวกับระเบียนของลูกค้าด้านสุขภาพ โดยเริ่มธุรกิจเมื่อปี 1975 ด้วยทุนเพียง 70,000 เหรียญสหรัฐ (2.45 ล้านบาท)

          ถึงแม้เธอจะเป็นมหาเศรษฐี แต่หญิงในวัย 72 ปีผู้นี้ คุ้นเคยกับชีวิตมัธยัสถ์มายาวนาน เธอมีรถเพียง 2 คันในรอบ 15 ปี อยู่สองคนกับสามีในบ้านที่อยู่มาเกือบ 30 ปี ในปี 2015 เธอแสดงความประสงค์จะบริจาคครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งทั้งหมดที่เธอมีให้การกุศล โดยบอกว่าไม่เคยมีความปรารถนาส่วนตัวที่จะเป็นมหาเศรษฐีที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ในทางตรงกันข้ามเธอต้องการใช้เงินของเธอช่วยเหลือคนอื่นเพื่อให้เข้าถึง “อาหาร ความอุ่น ที่พัก การดูแลสุขภาพ และการศึกษา”

          มหาเศรษฐีทั้ง 8 รู้แจ้งเห็นจริงว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร บ้างมัธยัสถ์เพราะความ เคยชิน แต่จำนวนมากมัธยัสถ์เพราะไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมจึงไม่ควรมัธยัสถ์ เขาเหล่านี้พิสูจน์ว่า “มัธยัสถ์” มิได้แปลว่า “ใจแคบ”