ทองคำทำร้ายอินเดีย

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
22 มกราคม 2556

อินเดียเป็นชาติที่พิสมัยทองคำเป็นพิเศษมาเป็นเวลาช้านาน   ทองคำเป็นทั้งเครื่องประดับ   เครื่องมือในการสะสมทรัพย์   และในการเก็งกำไร   การที่เศรษฐกิจอินเดียประสบปัญหาในปัจจุบันนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการชอบทองคำเป็นพิเศษนี่แหละ

  ทองคำเป็นสิ่งมีค่าที่มนุษย์เชื่อถือมาไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ปี   และอาจเป็นโลหะชนิดแรกที่มนุษย์ใช้ในการประดับและประกอบพิธีกรรม

  มีประมาณการว่าตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติมีการนำทองคำออกมาใช้ในโลกของเราทั้งหมดประมาณ 171,300 ตัน หรือ 5,500 พันล้านทรอยเอาซ์ (ทรอยเอาซ์เป็นหน่วยของทองคำโดย  1 หน่วยหนัก 31.10347 กรัม  ดังนั้นทองคำ 1 บาทไทยจึงหนัก 0.4887 ทรอยเอาซ์) หรือ 8,876  คิวบิกเมตร   ซึ่งถ้าเอามาปั้นเป็นลูกเต๋าก็จะได้ความยาวด้านละ 20.7 เมตร  นักธรณีวิทยาเชื่อว่าทองคำจำนวนมหาศาลของโลกฝังลึกอยู่ใกล้จุดศูนย์กลางของโลก หรือลึกลงไปประมาณ 6,300 กิโลเมตร (อยู่ห่างถ้ำลิเจียที่กาญจนบุรีมาก)   มันได้จมลงไปในดินในขณะที่โลกยังมีอายุน้อยเนื่องจากทองคำมีความหนาแน่นสูง (หนัก)    

  ทองคำเกือบทั้งหมดที่มนุษย์ค้นพบกันนั้นล้วนเป็นทองคำที่มาจากอุกกาบาตจำนวนมากที่หล่นลงมาบนโลกในเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา  

  อินเดียเป็นประเทศที่บริโภค (ใช้) ทองคำมากที่สุดในโลก  สถิติในปี 2010 ระบุว่าใช้ถึง 745.7 ตัน  ในขณะที่ในปี 2009 ใช้เพียง 442.37 ตัน รองลงมาคือจีนใช้ 428 ตันในปี 2010  ไทยใช้ 6.28 ตัน รวมแล้วทั้งโลกใช้ทองคำ 2,059.6 ตัน  เปรียบเทียบกับ 1,760.3 ตันในปี 2009  ในปัจจุบันอินเดียในแต่ละปีซื้อทองคำโดยเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 4 ของทั้งโลก  คือประมาณ 800 ตัน  โดยนำเข้าประมาณ 400 ตัน

  คาดว่าครัวเรือนอินเดียทั้งประเทศถือครองทองคำประมาณ 18,000 ตัน   มูลค่าประมาณ 950,000 ล้านเหรียญสหรัฐ   ซึ่งเท่ากับร้อยละ 11 ของปริมาณทองคำทั้งหมดในโลกในปัจจุบัน  หรือเกือบ 3 เท่าของทองคำที่ธนาคารกลางสหรัฐถืออยู่

  ความบ้าคลั่งทองคำในรูปของทองรูปพรรณมีมายาวนาน     อินเดียห้ามนำเข้าทองคำนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947      กฎหมาย The Gold Control Order 1963 และปี 1968 กำกับควบคุมความต้องการทองคำโดยห้ามนำเข้า     ตลอดจนจำกัดปริมาณทองคำที่ช่างทองสามารถมีอยู่ได้ในมือ     เนื่องจากภาครัฐรู้จักรสนิยมของประชาชนดีและตระหนักถึงความต้องการทองคำอย่างไม่มีที่สุดของคนอินเดีย     อย่างไรก็ดีกฎหมายนี้ถูกยกเลิกไปใน ค.ศ. 1990 

  ประเพณีให้ทองคำเป็นของขวัญในเทศกาล Diwali งานแต่งงาน  และโอกาสอื่น ๆ อันเป็นมงคล    ตลอดจนปรากฏการณ์เศรษฐกิจสังคมในประเทศ   เช่น   การลักลอบซื้อขายและขนส่งยาเสพติด   การค้าขายเงินตราต่างประเทศในตลาดมืด   คอรัปชั่น   การใช้เป็นหลักทรัพย์   การหนีภาษี  การใช้เป็นสินสอด  การค้าขายสินค้าใต้ดิน      การเก็งกำไร     การแสวงหาความมั่นคงจากเศรษฐกิจที่ผันผวน     ฯลฯ    ล้วนมีส่วนในการทำให้ทองคำเป็นที่นิยม 

  ในแต่ละปีอินเดียนำเข้าทองคำกันมากมายเฉลี่ยปีละ 400 ตัน จนสูญเสียเงินตราต่างประเทศเป็นอันมาก    นอกจากการนำเข้าน้ำมันซึ่งเป็นอันดับหนึ่งแล้ว    ทองคำซึ่งเป็นอันดับสองมีสัดส่วนร้อยละ 11.5 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมด

  เมื่อทางการอินเดียปล่อยข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าจะมีการเก็บภาษีนำเข้าให้สูงขึ้นเพื่อสกัดการนำเข้า     ตัวเลขการนำเข้าทองคำก็ถีบตัวสูงขึ้นไปอีก    การเก็บสะสมเพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ของครัวเรือนก็สูงขึ้นจาก 18,000 ตัน เป็น 20,000 ตัน    ซึ่งยิ่งทำให้การพยายามแก้ไขปัญหาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่พุ่งสูงขึ้นถึงร้อยละ 5.4 ของ GDP ยากยิ่งขึ้น

  หากอินเดียไม่มีการเกินดุลบัญชีทุน (เงินตราต่างประเทศจากการลงทุนและกู้ยืมสูงกว่าเงินตราต่างประเทศที่ไหลออกจากการไปลงทุนต่างประเทศและใช้คืนหนี้) ก็หมายถึงการขาดดุลการชำระเงิน (เงินทุนสำรองระหว่างประเทศจะลดลง)     หากสภาวการณ์ขาดดุลนี้รุนแรงและเรื้อรังก็จะนำไปสู่ปัญหาการขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและเงินสกุลรูปี      เนื่องจากมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศน้อยลงเรื่อย ๆ ส่งผลกระทบทำให้ราคาของเงินตราต่างประเทศในรูปของเงินรูปีสูงขึ้น (ค่าเงินรูปีลดลง) ซึ่งหลีกไม่พ้นที่จะกระทบถึงค่าครองชีพของประเทศ (อินเดียนำเข้าน้ำมันอันดับหนึ่ง     ดังนั้นเมื่อเงินตราต่างประเทศมีราคาแพง   ราคาน้ำมันในรูปเงินรูปีก็ย่อมสูงตามไปด้วย)

  การถือทองคำไว้ในมือไม่ว่าในรูปทองรูปพรรณหรือทองแท่งมิได้เพิ่มพูนความสามารถในการผลิตของสังคม     อีกทั้งมิใช่การลงทุนที่เป็นประโยชน์    ทรัพยากรการเงินของทั้งประเทศไปจมอยู่ และไม่มีผลตอบแทนทางการเงินระหว่างที่ถือไว้อีกด้วย

  อย่างไรก็ดีถ้าทางการอินเดียสนับสนุนให้มีการกู้ยืมโดยใช้ทองคำเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน  การเป็นสังคมที่นิยมทองคำก็อาจก่อให้เกิดประโยชน์โภคผลขึ้นได้ถ้าไม่มีการนำเข้าอย่างบ้าคลั่งอีกอย่างไม่รู้จบ

  การแสวงหาและถือทองคำไว้ในมือไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมฉันใด  การบ้าคลั่งปริญญาเพื่อเพิ่มวิทยฐานะก็ฉันนั้น  เงินอาจซื้อทองคำและเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการได้มาซึ่งปริญญาได้   แต่เงินซื้อปัญญาไมได้