วรากรณ์ สามโกเศศ
23 กุมภาพันธ์ 2559
ในแวดวงของคนที่สนใจเรื่องการปราบปรามคอรัปชั่นคงไม่มีข่าวใดที่น่าตื่นเต้นเท่าข่าวการถูกจำคุกเพราะหลายข้อหาคอรัปชั่นของอดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ ผ่านมา ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือทั้งอดีตประธานาธิบดีและอดีตนายกรัฐมนตรีซึ่งเคยรับตำแหน่งสมัยเดียวกันอยู่ระยะหนึ่ง ถูกจำคุกทั้งคู่ และอยู่ในคุกเดียวกันด้วยในขณะนี้
ชื่อของนายกรัฐมนตรีคนดังคือ Ehud Olmert และของอดีตประธานาธิบดีที่ว่าคือ Moshe Katsav ทั้งสองมีอายุเท่ากันคือ 70 ปี และเป็นนักการเมืองรุ่นเดียวกันมายาวนาน คงนึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งจะได้ร่วมชะตากรรม ทั้งสองหมดแล้วซึ่งชื่อเสียงและเกียรติยศที่เคยมี คนแรกมีโลภะเป็น เจ้าเรือน ส่วนคนหลังนั้นราคะเป็นสาเหตุ
ทั้งสองจบมหาวิทยาลัยเดียวกัน คือ Hebrew University of Jerusalem อดีตนายกฯ เรียนจบเศรษฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ ส่วนอดีตประธานาธิบดีเรียนจบจิตวิทยาปรัชญาและกฎหมาย Olmert ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่อายุ 28 ปี ใน ค.ศ. 1973 ส่วน Katsavได้เป็นตั้งแต่ปี 1977 ทั้งสองเคยเป็นรัฐมนตรีกันคนละหลายสมัย และเคยเป็นนายกเทศมนตรีเหมือนกัน
Olmert เคยเป็นรัฐมนตรีระหว่างปี 1988 ถึง 1992 นายกเทศมนตรีเมือง Jerusalem ระหว่าง 1993-2003 กลับมาเป็นรัฐมนตรีอีกครั้งระหว่างปี 2003-2006 และเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2006-2009
ในปี 2006 นายกรัฐมนตรี คือ Ariel Sharon ซึ่งได้เป็นนายกรัฐมนตรีมา 5 ปี ป่วยหนักอันเนื่องมาจากเส้นโลหิตในสมองแตก Olmert ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีจึงได้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่หลายเดือน และเมื่อ Sharon หมดสภาพทางกฎหมายก็มีเลือกตั้งใหม่ และ Olmert ก็นำพรรค Kadima ชนะเลือกตั้งได้ที่นั่งสูงสุด ตั้งรัฐบาลผสมและได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเต็มภาคภูมิ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่เขาได้ทำไว้ในอดีตมากมายก็ตามมาหลอกหลอนเขา กล่าวคือตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เขาถูกกล่าวหาเรื่องคอรัปชั่นหลายคดีในหลายตำแหน่งที่เขาเคยเป็นมา ที่หนักที่สุดก็คือตลอดเวลาที่เป็นนายกรัฐมนตรี มีแต่ข้อกล่าวหาคอรัปชั่นที่ผุดขึ้นมาจนความนิยมในตัวเขา ครั้งหนึ่ง ตกลงไปเหลือแค่ร้อยละ 3 เมื่อข้อกล่าวหาสะสมมากขึ้นก็มีการประท้วงบีบคั้นเขา จนในที่สุดต้องลาออก
ทันทีที่ลาออกในปี 2009 การสอบสวนคดีต่าง ๆ ก็เข้มข้นยิ่งขึ้น เขาหลุดหลายคดี แต่มีอยู่สามคดีที่หลักฐานมัดเขาแน่นมากจนถูกตัดสินจำคุก มีการอุทธรณ์อยู่นาน จนในที่สุดเมื่อแพ้อุทธรณ์เขาก็ถูกจำคุก หลังออกจากตำแหน่งมาประมาณ 6 ปี พอดี
ข้อกล่าวหาล้วนเกี่ยวพันกับเรื่องผลประโยชน์ทั้งสิ้น คดีที่เขาหลุดไปเพราะผู้สอบสวนบอกว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ เช่น (ก) ใช้วิธีซื้อที่ดินผืนงามในราคาถูกมากโดยต่ำกว่าราคาตลาด 300,000 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่เป็นนายกเทศมนตรี (ข) ขณะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เขาช่วยเหลือให้เพื่อนสนิทซื้อธนาคารในราคาถูกเป็นพิเศษ และถึงแม้จะมีพยานคนสำคัญให้การปรับปรำเขาแต่เขาก็รอด (ค) ในขณะที่เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์-อุตสาหกรรม-แรงงาน เขามีการตัดสินใจในหลายเรื่องที่ดูจะเป็นประโยชน์อย่างจงใจแก่เพื่อนนักธุรกิจหลายคนรวมกันเป็นมูลค่ามหาศาล (ง) เขาแต่งตั้งพรรคพวกในพรรคให้ดำรงตำแหน่งที่มีผลประโยชน์มาก ในขณะที่เป็นรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง (จ) ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีสมัยแรก เขาปิดบังยอดเงินกู้จากเพื่อนนักธุรกิจชาวอเมริกันอย่างน่าสงสัย เพราะหลายปีที่ผ่านไปก็ยังไม่มีการใช้คืน ยอดเงินกู้ที่แท้จริงคาดว่าไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐ ฯลฯ
คดีที่เขาไม่รอดเพราะมีหลักฐานหนักแน่นก็คือ (ก) คดีที่เขาช่วยเพื่อนนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้ได้รับใบอนุญาตสร้างอาคารสูงชานเมือง Jarusalem ซึ่งถือว่าน่าเกลียดมากเพราะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่โด่งดัง (ข) คดีช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยแลกกับสินบนให้ขยายพื้นที่โครงการได้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ของเมือง
Jarusalem แถบตะวันตกเฉียงใต้ถึงกว่า 10 เท่า (ค) คดีหลอกเงินบริจาคโดยเขาเดินทางไปพูดในต่างประเทศให้กลุ่มการกุศล และเรียกเก็บเงินค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ โดยทำให้เข้าใจว่าเป็นผู้สนับสนุนรายเดียว ทั้ง ๆ ที่จริงแล้วเก็บเงินยอดเดียวกันจากหลายคน
จากคดีข้างต้นศาลชั้นต้นจำคุกเขารวม 6 ปี แต่เมื่อต่อสู้และอุทธรณ์ก็ได้รับการลดโทษโดยศาลฎีกาเหลือเพียง 18 เดือน แต่ต่อมาศาลเพิ่มอีก 1 เดือนรวมเป็น 19 เดือน เมื่อพบว่าเขาพยายามข่มขู่และซื้อพยาน
คดีของเขายังไม่จบ ยังเหลือคดีที่มีหลักฐานชัดเจนอีกหนึ่งคดีที่อาจมีโทษเพิ่มอีก 8 เดือน ขณะนี้อยู่ในช่วงอุทธรณ์ คดีนี้เป็นคดีใหญ่และครึกโครมมากเพราะมีหลักฐานว่าเขารับเงินไปทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 600,000 เหรียญสหรัฐ ตลอดเวลา 15 ปี จากเพื่อนักธุรกิจชาวอเมริกัน โดยแลกกับสิทธิ์พิเศษต่าง ๆ ที่นักการเมืองสามารถบันดาลให้ได้
คดีนี้พยายานคนสำคัญที่ปรักปรำเขาคือคนให้เงินและลูกน้องคนสนิทเพราะกลัวติดคุก ทั้งสองให้การอย่างมีหลักฐานประกอบอย่างละเอียด เช่น บัญชีธนาคารของเขา เอกสารสนับสนุน การเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือโดยใช้หัวจดหมายของรัฐมนตรี
เมื่อมีข่าวการจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรี Olmert คนอิสราเอลจำนวนมากรู้สึกเสียใจเพราะเขาเป็นนักการเมืองเท้าติดดิน มีเสน่ห์ และระหว่างที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็พยายามสานต่อเรื่องการสร้างสันติภาพในภูมิภาคอย่างมาก จนคนบางกลุ่มเกลียดชัง แต่คนอิสราเอลบอกว่า ‘กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย’ ไม่ว่าจะชอบพอกันเป็นส่วนตัวหรือไม่ ทุกคนต้องติดคุกเหมือนกันหาก ทำผิด ความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด
ศาลก็พยายามพิจารณาด้วยความเที่ยงธรรมถึงแม้ชื่อเสียงของเขาในเรื่องคอรัปชั่นจะมีมานานแล้วก็ตาม เฉพาะคดีที่มีหลักฐานแน่ชัดอย่างไม่มีข้อกังขาเท่านั้น
ที่ถูกตัดสินลงโทษ การตัดสินจำคุกอดีตนายกรัฐมนตรีนั้นมีทั้งผลดีและผลเสียต่อประเทศ ผลดีก็คือการมีหลักนิติธรรม (Rule of Law) ของสังคมอิสราเอล ผลเสียก็คือชื่อเสียงของประเทศที่มีอดีตนายกรัฐมนตรีกระทำสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้ อย่างไรก็ดีบางคนมองว่าเป็นผลดีเพราะแสดงให้เห็นว่าสังคมนี้น่านับถือ ไม่ว่าใหญ่แค่ไหนก็ติดคุกได้ทั้งนั้น
สำหรับอดีตประธานาธิบดี Moshe Katsav เป็นประธานาธิบดีระหว่าง ค.ศ. 2000-2007 โดยลาออกเองเพื่อแลกกับโทษไม่จำคุก (วิธีการที่เรียกว่า plea bargaining ซึ่งมีสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าตำรับ กล่าวคือยอมสารภาพเพื่อรับโทษเบาโดยไม่ไปสู้คดีในชั้นศาล) เมื่อมีการสอบสวน ลับ ๆ และพบว่าเขาข่มขืนลูกน้องสาว 2 คน และลวนลามทางเพศลูกน้องอีกหลายคนเป็นระยะเวลายาวนาน
Katsav ตัดสินใจโลเลเลยติดคุก ตอนแรกนั้นยอมลาออกเพื่อรับโทษเบา แต่ต่อมาเปลี่ยนใจสู้คดีในชั้นศาล เพราะเชื่อว่าคนขนาดเขาแล้วและคดีแบบนี้ โอกาสติดคุกคงเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ดีเขาเข้าใจผิดเพราะศาลตัดสินจำคุก 7 ปี หลังจากการอุทธรณ์ล้มเหลวก็เข้าคุกตั้งแต่ปี 2010
อิสราเอลเป็นประเทศพัฒนาแล้วประเทศแรกในโลกที่อดีตประธานาธิบดีและอดีตนายกรัฐมนตรี (ร่วมสมัยด้วยกัน 1 ปี) ติดคุก ตลอดเวลา 20 ปีที่ผ่านมามีรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก 10 คน (เกือบทั้งหมดเป็นคดีคอรัปชั่น) และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 12 คน
ดินแดนนี้เฮี้ยนเพราะไม่ต้องการให้คนในประเทศเห็นว่าความเลวเป็นเรื่องธรรมดา คุ้นเคยกับมันจนทำลายคุณธรรมของสังคม อิสราเอลเป็นตัวอย่างที่ดีของประเทศสารขัณฑ์อย่างยิ่ง