ปีศาจหนีคุกฟิลิปปินส์

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
4 สิงหาคม 2558

          ฆ่าโหดหมู่ในฟิลิปปินส์ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า Maguindanao Massacre ในปลายปี 2009 นั้นโหดเหี้ยมที่สุดครั้งหนึ่งในภูมิภาคนี้เพราะมีผู้ถูกฆ่าตายรวม 58 คน “ผู้สั่งการ” ถูกจับได้แต่น่าเสียดายที่หนีตายไปเสียก่อนเมื่อเร็ว ๆ นี้หลังจากติดคุกมาประมาณ 6 ปี

          ผู้เขียนเคยเขียนเรื่องนี้เมื่อ 5 ปีมาแล้ว แต่ถึงแม้วันเวลาจะผ่านไปยาวนานคดีก็ไม่ไป ถึงไหน ประธานาธิบดีอาคิโนต้องลงมาเร่งคดีเองเพราะกลัวว่าเมื่อตนเองพ้นจากตำแหน่งไปในอีก 1 ปีข้างหน้าแล้ว มันจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดูเพราะกลุ่มผู้สั่งฆ่ามีอิทธิพลทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ

          ที่เมือง Ampatuan ในรัฐ Maguindanao บนเกาะมินดาเนาซึ่งอยู่ทางใต้ของหมูเกาะฟิลิปปินส์นั้นมีผู้ยิ่งใหญ่อยู่คนหนึ่งชื่อ Andal Ampatuan Sr. เป็นผู้ว่าการรัฐมา 12 ปีแล้ว จนไม่สามารถเป็นต่อได้อีกจึงจะส่งลูกชายคือ Andal Ampatuan Jr. ลงแข่งขันเพื่อสืบทอดอำนาจต่อไปในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ในปี 2010 ซึ่งค่อนข้างแน่นอนว่าจะได้รับเลือก

          บังเอิญมีคนหาญกล้ามาท้าทายอำนาจคือ Esmael Mangudadatu รองนายกเทศมนตรีเมือง Buluan ได้ประกาศว่าจะลงสมัครแข่งขันเป็นผู้ว่าการรัฐด้วย ถึงแม้ว่ากลุ่มของนาย Ampatuan Sr. จะมั่นใจในผลเลือกตั้งมาก แต่ก็ทนไม่ได้ที่จะมีคนกล้ามาลงแข่งด้วย

          ในวันยื่นใบสมัครนั้นนาย Esmael ได้เชิญชวนสื่อระดับชาติและท้องถิ่นให้เดินทางพร้อมกับญาติ ๆ ของเขาไปเป็นที่สำนักงานของเมือง เนื่องจากคู่แข่งของเขาได้ประกาศว่าหากเขาลงสมัครด้วยก็จะสับเขาเป็นชิ้น ๆ ดังนั้นจึงขอให้ช่วยเดินทางมาเป็นพยานเพื่อป้องกันภัยให้เขาด้วย

          เหล่าบรรดาผู้ชะตาขาดประกอบด้วยสื่อจำนวน 34 คน และภรรยาของ Esmael น้องสาวของเขาสองคน อาและลูกพี่ลูกน้อง และผู้ติดตามก็ออกเดินทางในรถ 6 คัน ไปร่วมเป็นพยาน โดยไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำร้ายแต่หารู้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามได้ใช้รถแบ็กโฮเตรียมขุดหลุมฝังศพทุกคนและรถยนต์ไว้แล้ว ไม่มีใครนึกว่าจะมีใครกล้าทำอะไรบ้าบิ่นหากเดินทางไปกันเป็นจำนวนมากขนาดนั้น

          การคาดการณ์ผิดครั้งนี้ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ผู้เดินทางและผู้ร่วมดูเหตุการณ์รวมทั้งหมด 58 คน ถูกฆ่าตายหมดอย่างทารุณเหลือที่จะกล่าว สื่อหญิง 4 ใน 5 คน ถูกข่มขืนก่อนถูกยิงตาย ภรรยาของนาย Esmael นั้นโดนหนักสุดถูกมีดปาดอวัยวะเพศ ถูกยิงที่อวัยวะเพศ และหน้าอกสองข้าง แทงตาสองข้าง ยิงกรอกปากและตัดขา

          อาและน้องสาวซึ่งท้องอยู่ก็ถูกฆ่าอย่างทารุณเช่นเดียวกับสื่อทั้งหมด บ้างก็ถูก ตัดคอ ยิงเผาขน เรียกว่าฆ่าไม่เลือกและเหี้ยมโหดอย่างที่สุดซึ่งต่างไปจากการฆ่ากันเป็นปกติในประเทศนี้เมื่อเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง

          จากคำให้การของพยาน ก่อนที่ขบวนรถจะไปถึงสำนักงานประมาณ 10 กิโลเมตร ก็มีกลุ่มคนครบอาวุธ 100 คน แต่งเครื่องแบบตำรวจและทหาร เข้าจับกุมลากไปซ้อมและฆ่า ก่อนตายภรรยาของเขามีโอกาสแอบส่ง SMS โดยระบุว่าใครเป็นคนทำและเน้นว่าเธอถูกตบหน้าโดยนาย Ampatuan ผู้ลูกด้วย

          แต่ฟ้ามีตา การฝังศพทำได้ไม่เสร็จเรียบร้อยเพราะมีเฮลิคอปเตอร์บินผ่านมาเห็นเข้า บรรดาฆาตกรจึงแตกฮือ เมื่อเรื่องรั่วออกไปข้างนอกก็เป็นข่าวใหญ่ ทางการท้องถิ่นก็กล้า ๆ กลัว ๆ เพราะมีบุญคุณกันมายาวนาน ประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโยในขณะนั้นซึ่งเป็นพวกเดียวกันเพราะ ผู้พ่อและผู้ลูกเป็นหัวคะแนนเสียงให้ในเขตจนเธอได้คะแนนเสียงท่วมท้น จึงจำเป็นต้องจัดการกับกลุ่มฆาตกรเพราะถือได้ว่าล้ำเส้นมากเกินไป อนึ่งเมื่อการเลือกตั้งปี 2010 มาถึง Esmael ก็ได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐสมใจหลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่

          คดีนี้ทางการระบุผู้ร่วมกระทำผิดไม่ต่ำกว่า 198 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีตัวพ่อคือ Andal Ampatuan Sr. ตัวลูกคือ Andal Amputuan Jr. และอีกหลายคนในตระกูล Ampatuan ณ ปลายปี 2011 ซึ่งเป็นเวลาสองปีหลังจากเหตุการณ์ สามารถจับผู้ต้องสงสัยมาได้เพียง 97 คน ส่วนสอง พ่อลูกนั้นติดคุกโดยศาลไม่ให้ประกัน

          หลักฐานคดีนี้ค่อนข้างแน่นหนา แต่พยานก็หายตัวไปจำนวนมากหรือไม่ก็ไม่กล้าพูด อย่างไรก็ดีพยานคนหนึ่งซึ่งลืมกลัวได้ให้การว่าก่อนหน้าเหตุการณ์ 6 วัน เขาได้ยินพ่อลูกคุยกันเรื่องการยับยั้งการสมัครรับเลือกตั้งของ Esmael เขาได้ยินตัวลูกบอกพ่อว่า “มันง่ายจะตายไป ก็ฆ่ามันทั้งหมดตอนมาถึงที่นั่น”

          การสอบสวนคดีนี้กระทำไปด้วยความยากลำบากเพราะนอกจากมีคนตายถึง 58 คนแล้ว หลักฐานทางนิติเวชก็ถูกทำลายอย่างจงใจและไม่ตั้งใจด้วยความไม่รู้ จนต้องอาศัยคำให้การของพยานกว่า 200 ปาก ซึ่งพยานก็ถูกข่มขู่ ติดสินบน และบางคนก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว

          ฝ่ายจำเลยซึ่งมีเงินมากใช้แง่มุมกฎหมายต่าง ๆ ต่อสู้คดี สังคมฟิลิปปินส์ซึ่งมีความละม้ายคล้ายอเมริกันอยู่มากโดยเฉพาะในเรื่องกฎหมายจึงสามารถโต้แย้งกันได้แทบไม่รู้จบ หน่วงเหนี่ยวคดีจนกระทั่งเกือบ 6 ปีผ่านไปแล้วคดีก็ยังไม่เดินไปถึงไหน “ปีศาจตัวพ่อ” รอไม่ไหวจึงลาไปก่อนด้วยโรคมะเร็งในตับหลังจากป่วยนอนโรงพยาบาลได้สองเดือนเท่านั้น

          โลกจับตามองคดีนี้เพราะเป็นบทพิสูจน์การเป็นสังคมมีขื่อมีแปของฟิลิปปินส์ ลักษณะการตายที่ทารุณของคนถึง 58 คน โดยเฉพาะส่วนใหญ่เป็นสื่อ ทำให้สมาชิกของสื่อทั่วโลกให้ความสนใจกับคดีเพราะถือได้ว่าเป็นคดีที่สื่อนานาประเภทถึงแก่ชีวิตรวมกันเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์

          ไม่น่าเชื่อว่าปีศาจบ้าอำนาจจากอเวจีเพียง 2 ตัวสามารถคบคิดกันสร้างความวิบัติได้มากมายขนาดนี้ อำนาจที่อยู่ในมือคนเลวนั้นเป็นสิ่งน่าสะพึงกลัวอย่างยิ่ง การตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวสามารถทำลายชีวิตผู้คนที่ไร้เดียงสาและทำลายครอบครัวตนเองได้อย่างรวดเร็ว

          ใครก็ตามจงอย่าได้ประมาทเมื่อมีอำนาจในมือเป็นอันขาด สติและความใฝ่ดีเท่านั้นที่จะช่วยคัดคานมิให้กระทำสิ่งที่ชั่วร้าย