เพชรของ Josephine

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
22 ธันวาคม 2558

          เรื่องราวของเพชรเป็นที่สนใจของมนุษย์เสมอโดยเฉพาะสุภาพสตรี เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2558 มหาเศรษฐีฮ่องกงซื้อเพชรให้ลูกสาวชนิดสะเทือนโลกและสะเทือนใจผู้นิยมชมชอบเพชรเพราะไม่มีโอกาสได้เป็นลูกสาว

          ในการประมูลเพชรที่เจนีวา Joseph Lau มหาเศรษฐีฮ่องกงประมูลเพชรสีน้ำเงิน หนัก 12.03 กะรัต (1 กะรัต = 0.2 กรัม) ราคา 48.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,730 ล้านบาท) ซึ่งมีชื่อว่า “Blue Moon” เพื่อให้ลูกสาววัย 7 ขวบ ทันทีที่ประมูลได้เขาก็ประกาศตั้งชื่อเพชรเม็ดนี้ใหม่ว่า “Blue Moon of Josephine” ตามชื่อลูกสาว

          แค่นี้ยังไม่พอ ก่อนหน้านี้หนึ่งวันเขาประมูลได้เพชรสีชมพู หนัก 16.08 กะรัต ในราคา 28.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,019 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเพชรสีชมพูหายากเม็ดใหญ่ที่สุดที่เคยมีการประมูลกันมา เขาตั้งชื่อมันใหม่ว่า “Sweet Josephine”

          Sotheby’s ซึ่งเป็นบริษัทประมูลใหญ่ของโลกที่จัดการประมูลเพชร “Blue Moon” บอกว่าเพชรเม็ดนี้ทำลายสถิติราคาประมูลที่เคยมีมา และทำให้เป็นเพชรที่มีราคาแพงที่สุด (ไม่คำนึง ถึงสี) และแพงที่สุดเท่าที่เคยมีการประมูลกันมา นอกจากนี้ราคาต่อกะรัตก็สูงที่สุดอีกด้วย

          สถิติก่อนหน้านี้ของการประมูลเพชรที่เรียกว่าราคาสูงมากก็คือ เพชร “Graff Pink” ในปี 2010 น้ำหนัก 24.78 กะรัต ราคา 46.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (1,652 ล้านบาท) ซึ่งถึงแม้หนักสองเท่าของ “Blue Moon of Josephine” แต่ก็ซื้อในราคาต่ำกว่า

          ใครที่อยากรู้ว่าคนอะไรมันจะรวยและบ้าอีกทั้งโง่ขนาดนั้นได้และลูกสาว Josephine อยู่ที่ไหนจะได้ไปอุ้มมาดูแลสักหน่อย ต้องอดใจฟังเรื่องราวสักนิดครับ เพราะความดังของเขายังไม่หมด

          ในปี 2009 เขาจ่ายเงิน 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (340 ล้านบาท) ซื้อเพชรสีน้ำเงิน ซึ่งตั้งชื่อใหม่ว่า “Star of Josephine” รวมแล้วไอ้หนูตัวเล็ก Josephine อายุ 7 ขวบตอนนี้มีเพชร 3 เม็ดใหญ่ ตั้งชื่อตามตัวเองไปแล้ว

          Joseph Lau ปัจจุบันอายุ 64 ปี รวยมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกง เป็นประธานกรรมการบริษัท Chinese Estates Holdings ที่เขาถือหุ้นอยู่ร้อยละ 61 นิตยสาร Forbes ประมาณว่าเขามีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 11,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (411,175 ล้านบาท) ในปัจจุบัน

          เขาเคยมีภรรยา ชื่อ Bo Wing-kam อยู่กินกันมา 22 ปีก่อนที่จะหย่า มีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวหนึ่ง (คนนี้ไม่มีเพชรที่ตั้งชื่อตามเพราะมีชื่อว่า Jade) ลูกชายคนโตกำลังจะมาทำงานแทนเขา Lau อยู่กับหญิงอีก 2 คน คนแรกเขาพบตอนเธอมีอายุ 24 ปี หลังจากหย่าจากภรรยามา 9 ปี เขามีลูกกับเธอ 2 คน คือหญิงหนึ่งชายหนึ่ง Lau มีลูกกับหญิงคนที่สามซึ่งเป็นลูกน้องเก่า มีลูก 2 คน หญิงหนึ่งชายหนึ่งอีกเช่นกัน และลูกสาวจากแฟนคนนี้แหละคือ Josephine รวมแล้วเขามีลูกทั้งหมด 6 คน ชาย 3 หญิง 3 ในหญิง 3 คนนี้ Josephine อายุน้อยที่สุดและดูจะเป็นสุดที่รักของเขา

          Joseph Lau เป็นคนอื้อฉาวเพราะขณะนี้เขาหนีคดีอาญาที่มาเก๊า ในปี 2012 ศาลมาเก๊า (ดินแดนจีนที่เช่าโดยโปตุเกส) ระบุว่าเขาเกี่ยวพันกับการติดสินบนรัฐมนตรีก่อสร้าง 20 ล้านเหรียญฮ่องกงเพื่อให้ได้ที่ดินสวยหลายแปลงตรงข้ามสนามนานาชาติมาเก๊า นอกจากนี้เขายังโดนข้อหาฟอกเงินอีกด้วย ในปี 2014 ศาลตัดสินว่าเขาผิดจริง ถูกจำคุก 5 ปี เขาอุทธรณ์แต่ศาลไม่รับ จึงหนีไปอยู่ฮ่องกงอย่างลอยนวลเนื่องจากทั้งสองไม่มีสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน

          เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ผู้คนจึงมองการประมูลเพชรเหล่านี้ว่ามีเลศนัย มีการ ยอมจ่ายเงินซื้อเพชรซึ่งน่าจะแพงกว่าราคาที่เป็นจริงอยู่ไม่น้อยเพื่อฟอกเงิน (โอนความมั่งคั่งจากเงินไม่สะอาดข้ามเวลา กล่าวคือซื้อเก็บไว้แล้วขายในช่วงเวลาอื่นในอนาคต) สะสมความมั่งคั่งไว้ในรูปที่สามารถขนหนีได้ง่ายและสะดวก แฝงความเลศนัยไว้ในชื่อลูกสาว ฯลฯ

          ไม่ว่าข้อกล่าวหาจะเป็นอย่างไรก็ตาม เพชร 3 เม็ดดังนี้อยู่ในมือเขา เม็ดเด่นที่สุดคือ “Blue Moon of Josephine” นั้นเพิ่งพบในเหมืองใกล้เมือง Cullinan ของประเทศอาฟริกาใต้เมื่อปี 2014 นี้เอง

          เพชรที่มีชื่อเสียงมากจากเมืองนี้คือ Cullinan Diamond น้ำหนักก่อนเจียระไนหนัก 3.10675 กิโลกรัม (ก้อนเดียวนะครับ) เป็นเพชรระดับคุณภาพก้อนใหญ่ก่อนเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบกันมา ต่อมามีการเจียระไนออกเป็นเพชร 105 เม็ด เม็ดหนึ่งที่มีชื่อมากคือ Cullinan I หรือ Great Star of Africa (530.2 กะรัต) อีกเม็ดหนึ่งคือ Cullinan II หรือ Lesser Star of Africa (317.4 กะรัต) ทั้งสองเม็ดปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ British Crown Jewels

          เพชรเป็นสิ่งงดงามและมีค่ายิ่งมายาวนาน เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุควิคตอเรียของอังกฤษ (ค.ศ. 1837-1901) อย่างไรก็ดีภาพลักษณ์ในใจของเพชรที่โยงใยกับความรักและความโรแมนติกนั้นเพิ่งเกิดในรอบ 100 ปีที่ผ่านมาอันเป็นผลพวงจากแผนการตลาดของบริษัท De Beers ผู้ครองตลาดโลกในเรื่องเพชร

          การหมั้นหมายและแต่งงานโดยใช้เพชรเป็นตัวแทนของความรักนั้นเป็นวัฒนธรรมฝรั่งที่เข้ามาในบ้านเราและดูจะกลายเป็นเรื่องปกติในทุกสังคม ในปัจจุบันสิ่งที่ต้องระวังให้มากก็คือเพชรเทียม (Synthetic Diamond) ซึ่งผลิตในห้องทดลองได้เหมือนของจริงมาก และสร้างขนาดใหญ่ขึ้นได้ทุกที เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถผลิตเพชรเทียมได้ดีมากจนแม้ในระดับโมเลกุลไม่มีความแตกต่างจากเพชรธรรมชาติแต่อย่างใด เฉพาะการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเท่านั้นจึงจะบอกได้ว่าเป็นเพชรธรรมชาติ

          ส่วนใหญ่ของเพชรเทียมจะมีสีเหลือง อย่างไรก็ดีสีอื่น ๆ เช่น น้ำเงิน เขียว และชมพู ก็สามารถผลิตได้เช่นกัน เพชรเทียมมิได้ตั้งใจผลิตเพื่อการหลอกลวง หากเอาไว้ใช้ในอุตสาหกรรมเพราะความแกร่ง ในปี 2010 มีการผลิตเพชรเทียมประมาณ 5,000 ล้านกะรัต (1,000 ตัน) เกือบทั้งหมดใช้ในงานอุตสาหกรรม และประมาณครึ่งหนึ่งของ 133 ล้านกะรัตที่ขุดได้จากธรรมชาติในแต่ละปีก็ใช้ในอุตสาหกรรมเช่นกัน

          เพชรของ Josephine เป็นสิ่งมีค่ายิ่งของเธอผู้ที่จะเติบโตเป็นสาวในเวลาไม่เกิน 10 ปี สิ่งที่เธออาจหาได้ยากตลอดชีวิตก็คือความจริงใจเพราะทุกคนจะรู้จักเธอเพราะเพชรงาม ความมั่งคั่งที่ไหลล้นออกมาจากกายจะดึงดูดผู้คนให้เห็นแต่เพชรโดยอาจมองข้ามความเป็นมนุษย์ของเธอเสียสิ้น