วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
2 สิงหาคม 2559
ในจำนวนอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายฟุกุดะ ทาเคโอะ มีลักษณะที่แปลกกว่าหลายคนโดยมีชื่อเสียงในการเข้ากับผู้คนในสังคมได้ดี เป็นคนเปิดเผยไม่มีความลับกับใคร คุยกับสื่อได้ทุกเรื่อง และเหนือสิ่งอื่นใดมีรักเดียวใจเดียวให้ภรรยาอย่างแตกต่างจากอดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหลายคน
นายฟุกุดะ ทาเคโอะ (Fukuda Takeo) มีภรรยาชื่อนางมิเอะ (Mie) ทั้งสองเกิดในสมัยเมอิจิ (ค.ศ. 1868-1912) ความลับอย่างเดียวที่นายฟุกุดะไม่ยอมเปิดเผยก็คือพบกับเธอได้อย่างไร เหตุที่ไม่เล่าอาจเนื่องมาจากคนที่เกิดในยุคนั้นเขาไม่เล่าเรื่องประเภทนี้กันเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ๆ แต่ถึงไม่เล่าก็มีสื่อไปหามาเปิดเผยอยู่ดี
ฟุกุดะเกิดในครอบครัวที่สืบทอดมาจากซูมาไรและมีผู้คนนับหน้าถือตาในเมืองกุนมะ พ่อและพี่ชายเคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ก่อนที่จะมีการปฏิรูปที่ดินหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นายกเทศมนตรีที่มาจากตระกูลฟุกุดะไม่จำเป็นต้องเดินผ่านหน้าบ้านใครเพื่อไปทำงานที่เทศบาลเลย เพราะตั้งแต่บ้านถึงที่ทำการเทศบาลเป็นที่ดินของตระกูลนี้ทั้งหมด
ฟุกุดะเป็นลูกคนที่สองใน 7 คน ของครอบครัว เขาได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเด็กอัจฉริยะตั้งแต่เยาว์วัย เรียนจบได้คะแนนดีมาตลอดจนสามารถสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยโตเกียวได้ เขาสามารถสอบบรรจุเป็นข้าราชการได้ก่อนเรียนจบ ดังนั้นเมื่อเรียนจบจึงเข้าทำงานในกระทรวงการคลังซึ่งถือว่าเป็นแหล่งของคนระดับหัวกะทิทันที เมื่อทำงานไปได้ 1 ปี ก็ถูกส่งไปประจำที่ลอนดอน
ขณะที่เรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยม เขามีชื่อเสียงโดดเด่นมากเนื่องจากเป็นคนเรียนเก่ง นิสัยดี มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเยี่ยม จึงเป็นที่ต้องตาของเด็กหญิงคนหนึ่งในโรงเรียนเดียวกันชื่อมิเอะ เด็กหญิงอายุอ่อนกว่าเขา 7 ปี บิดาของมิเอะเกิดในตระกูลเก่าแก่ในเมืองอาซุมะโช เมื่อพ่อเสียชีวิตครอบครัวของเธอก็ย้ายมาอยู่ที่โตเกียว และที่บ้านของเธอซึ่งมีแขกมาเยี่ยมเยียนไม่ได้ขาดนี้เองเธอได้พบหนุ่มฟุกะดะจากมหาวิทยาลัยโตเกียว
เมื่อฟุกุดะกลับมาญี่ปุ่นจากลอนดอนตอนอายุ 28 ปี เขาทำงานเป็นหัวหน้าสรรพากรท้องถิ่นในเมืองเกียวโตและเป็นหนุ่มเนื้อหอม (มาก) ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นลูกเขยเพราะเห็นว่าอนาคตไม่หนีอธิบดีหรือปลัดกระทรวงแน่นอน และอาจไปถึงรัฐมนตรีก็เป็นได้เพราะเป็นประเพณีที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จากกระทรวงนี้จะลงสมัครรับเลือกตั้งและเป็นนักการเมืองคนสำคัญ
ฟุกุดะไม่มีชื่อเสียงด่างพร้อยเรื่องผู้หญิง ปฏิเสธทุกรายที่ทาบทามจะยกลูกสาวให้เพราะเขาแน่วแน่ในความรักที่มีต่อมิเอะ ในที่สุดทั้งสองก็แต่งงานกัน ในเวลาต่อมามีลูกด้วยกันถึง 5 คน เป็นชาย 3 หญิง 2
ครอบครัวนี้ที่มีการศึกษาสูงทั้งสามีภรรยาไม่บังคับให้ลูกเรียนที่มหาวิทยาลัยที่พ่อแม่เคยเรียน ปล่อยเสรีให้ลูกเรียนตามที่ชอบเช่นเดียวกับการมีครอบครัว จุดเด่นของครอบครัวนี้คือความรักใคร่ กลมเกลียวกัน ในเรื่องเกี่ยวกับเรื่องนอกบ้านฟุกุดะเป็นแกนนำ ส่วนเรื่องภายในบ้านมิเอะผู้เป็นภรรยาดูแลทุกอย่างไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง
มิเอะเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้าน แม้แต่ฟุกุดะก็เกรงใจเธอจนอาจกล่าวได้ว่าผู้ที่อยู่ใจกลางอำนาจคือมิเอะ ทุกอย่างล้วนโคจรอยู่รอบเธอ ไม่ว่าใครเจ็บป่วยอย่างใดเธอเป็นผู้คอยพยาบาลดูแลเป็นอย่างดี ด้วยบทบาทของเธอเช่นนี้ฟุกุดะจึงสามารถทำงานนอกบ้านได้เต็มที่
เมื่อฟุกุดะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นเรื่องที่เธอไม่พอใจนัก แต่ ก็ตามใจสามีและสนับสนุนเต็มที่แต่ก็ไม่ได้ออกไปหาเสียงด้วยอย่างจริงจังเนื่องจากโดยธรรมชาติเธอเป็นคนเก็บตัว ไม่ชอบไปปรากฏตัวตามสถานที่ต่าง ๆ แต่เมื่อถึงคราวจำเป็นเธอก็โดดเข้าช่วยอย่างเต็มใจ
เมื่อฟุกุดะได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยไม่สังกัดพรรคใด เขาและเธอมีความสุขมาก แต่สิ่งที่เขาผิดหวังมากในเวลาต่อมาก็คือเขาพ่ายแพ้แก่นายทานากะ อดีตมหาเศรษฐีผู้รับเหมาก่อสร้างจอมเจ้าชู้ที่ไม่มีการศึกษาแต่เล่นการเมืองเก่งเมื่อตอนชิงชัยกันเป็นประธานพรรคซึ่งหมายความว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย เขาพ่ายแพ้จนรู้สึกหดหู่และท้อแท้จนมิเอะต้องปลอบใจว่าโอกาสหน้ายังมี
มิเอะพูดถูกเพราะต่อมานายทานากะก็ต้องลาออกติดคุกติดตะรางและตายไปก่อนคดีจบเพราะคดีรับสินบนซื้อเครื่องบินล๊อคฮีทของสหรัฐอเมริกา คนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อมาก็คือนายมิกิ ทาเกะโอะ หลังจากนั้นจึงถึงคิวเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรี
เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ 2 ปี (1976-1978) โดยทำงานอย่างหนักและได้รับการยอมรับอย่างดีจากประชาชน แต่ก็พ่ายแพ้การเมืองในพรรค นายโอฮิระ มาซาโยชิ ผู้สนิทสนมกับนายทานากะซึ่งยังมีอิทธิพลในพรรคอยู่มากได้เป็นนายกรัฐมนตรีแทน
ถึงแม้จะลาออกแล้วเมื่อมีอายุ 73 ปี แต่สื่อก็มักพูดถึงการกลับมาอีกครั้งของเขาอยู่บ่อย ๆ บทบาทของเขาหลังการเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือการทำหน้าที่ควบคุมดูแลพรรคคล้ายผู้ปกครอง เป็นผู้ใหญ่ คนหนึ่งของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP_____Liberal Democratic Party) ที่บรรดาสมาชิกผู้แทนราษฎรเกรงใจ
ลักษณะที่โดดเด่นของฟุกุดะก็คือการเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่เคยแบ่งปันหัวใจให้สตรีอื่น ซึ่งสำหรับผู้ที่เป็นภรรยาคงไม่มีสิ่งใดมีค่ามากไปกว่านี้อีกแล้ว สื่อสรุปว่าตั้งแต่ปี 1947 จนถึงปี 1982 ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยข้องแวะสตรีอื่นใดนอกจากภรรยาตนเองนั้น นอกจากฟุกุดะนายกคนที่ 67 แล้วก็มีนายคาตายามะ เททสึ นายกรัฐมนตรีคนที่ 46 ที่เป็นคริสเตียนสังกัดพรรคสังคมนิยมอีก คนเดียวเท่านั้น
ทั้งสองอยู่บ้านแบบที่คนญี่ปุ่นทั่วไปอยู่อาศัย ไม่ใช่บ้านใหญ่โต มีพื้นที่เพียง 44 ตารางวา ในโตเกียว ไม่มีบ้านพักตากอากาศเหมือนอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคน หลาน 11 คน รวมทั้งเขยสะใภ้เข้านอกออกบ้านนี้กันอย่างมีความสุขและอบอุ่น
ฟุกุดะมีชีวิตอยู่ไม่ทันได้เห็นลูกชายคนโตคือนายฟูกุดะ ยาสุเอะ (Fukuda Yasuo) ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 91 ใน ค.ศ. 2007 เนื่องจากเขาเสียชีวิตในปี 1995 เมื่อมีอายุได้ 90 ปี ทิ้งภรรยาในวัย 83 ปี และลูกหลานไว้จำนวนมาก ผลงานสำคัญของเขาก็คือการสมานไมตรีกับประเทศในเอเชียซึ่งเคยมีความหมางใจกับญี่ปุ่นตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เขามีบทบาทสำคัญในการผลักดันสนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพระหว่างจีนและญี่ปุ่นจนสำเร็จซึ่งหมายถึงการจบสิ้นของความบาดหมางที่มีต่อกันมายาวนานตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
ฟูกูดะเป็นนายกรัฐมนตรีสุภาพบุรุษ และเป็นพ่อบ้านตัวอย่างที่มีความมั่นคงในความรักที่มีต่อภรรยาและหน้าที่ของพ่อบ้านอย่างสมควรเป็นเยี่ยงอย่างแก่คนรุ่นหลัง (ข้อมูลพื้นฐานจาก ’15 สตรีหมายเลขหนึ่งแห่งแดนอาทิตย์อุทัย’ แปลโดย รองศาสตราจารย์อาทร ฟุ้งธรรมสาร)