ใหญ่แค่ไหนก็ต้องติดคุกได้

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
8
กรกฎาคม 2557

Photo by Bill Oxford on Unsplash

          3 ข่าวไล่เรียงกันในอาทิตย์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่นายพลระดับสูงของจีน อดีตประธานาธิบดีฝรั่งเศส และอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญอินโดนีเซียโดนเล่นงานคดีคอรัปชั่น ข่าวเหล่านี้เตือนใจให้นึกถึงการเอาคนคอรัปชั่นมาเข้าคุกในบ้านเรา

          นายพล Xu Cai-hou เป็น Vice-Chairman ของ China Central Military Commission ซึ่งเป็นตำแหน่งหนึ่งที่สูงของกองทัพถูกถอดออกจากพรรคอมมูนิสต์ และกำลังถูกดำเนินคดีคอรัปชั่น Xu เป็นผู้นำทหารยศสูงสุดที่ถูกสอบสวนเรื่องคอรัปชั่นนับตั้งแต่ยุคสมัยของ Deng Xiaoping เป็นต้นมา

          คดีนี้ฮือฮามากเพราะประธานาธิบดี Xi พูดมาตลอดว่าจะปราบคอรัปชั่น นาย Bo Xilai ผู้นำคนสำคัญหนึ่งของพรรคซึ่งอาจได้รับเลือกเป็นสมาชิก Politburo Standing Committee ในสมัยประชุมที่ 18 ในปี 2012 ก็ถูกจับข้อหาคอรัปชั่น และศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตไปแล้ว

          ข้อหาของนายพล Xu ก็คือรับเงินโดยตรงหรือผ่านญาติเพื่อเลื่อนยศทหาร และรับเงินเพื่อช่วยเหลือธุรกิจ เป็นที่รู้กันดีว่าในกองทัพประชาชนจีนนั้นมีการรับสินบนเพื่อให้ได้เป็นทหารและเพื่อขายตำแหน่งตั้งแต่ชั้นผู้น้อยขึ้นมา ผู้นำทหารเกรงว่าคอรัปชั่นลักษณะนี้จะบั่นทอนกองทัพ อย่างฉกรรจ์จนนำไปสู่การทำลายประสิทธิภาพ 

          คดีที่สองคืออดีตประธานาธิบดี Nicolas Sarkozy ของฝรั่งเศสนั้นได้ถูกสอบสวนยาวนานกว่า 15 ชั่วโมงในเรื่องที่ว่าเขาส่งทนายส่วนตัวไปรับข้อมูลจากผู้พิพากษาคนหนึ่งที่กำลังพิจารณาคดีการ รับเงินบริจาคผิดกฎหมาย 68 ล้านเหรียญจากประธานาธิบดี Muammar el-Qaddafi ของลิเบียในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2007 โดยแลกเปลี่ยนกับการเลื่อนตำแหน่งของผู้พิพากษาคนนั้น

          คดีนี้มีการแอบดักฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ของนาย Sarkozy กับทนายของเขา และอดีตรัฐมนตรีสองคนเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี จนมีหลักฐานเพียงพอต่อการดำเนินคดี

          กรณีที่สามคือการตัดสินคดีของศาลต่อต้านคอรัปชั่นของอินโดนีเซียให้จำคุกอดีตประธานศาลรัฐธรรมนูญตลอดชีวิตในข้อหาคอรัปชั่นและฟอกเงิน ผู้ต้องหาคือนาย Akil Mochtar ถูกจับได้คาหนังคาเขาขณะรับเงินสินบนเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วเพื่อช่วยการเลือกตั้งของนักการเมืองท้องถิ่น 2 คน

          ในการสอบสวนพบว่าเขารับสินบนในเรื่องเลือกตั้งท้องถิ่นรวมไม่น้อยกว่า 10 กรณี นอกจากนี้ยังพบอีกว่าเขามีความผิดในการฟอกเงิน 15.2 ล้านเหรียญในปี 2002 ตอนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกด้วย

          ทั้งสามคดีนี้สะท้อนให้เห็นการเอาจริงเอาจังกับคอรัปชั่นอย่างไม่ไว้หน้า ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตเพียงใดก็ตาม ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และต้องถูกดำเนินคดีอย่างเสมอหน้ากัน

          ในประเทศที่ทรงไว้ด้วยหลักนิติธรรมนั้น แม้แต่ประธานาธิบดีก็ติดคุกได้โดยเฉพาะคดีคอรัปชั่นดังที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ไต้หวัน และอิสราเอล

          อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถึง 2 คนที่ติดคุกเพราะคดีคอรัปชั่น คือ Chun Doo-hwan และ Roh Tae-woo คนแรกคือ Chun Doo-hwan เป็นประธานาธิบดีต่อจาก Choi Kyu-hah (ผู้ครองอำนาจ 1979-1980 ต่อจาก Park Chugn hee) โดยเป็นประธานาธิบดีระหว่าง 1980-1988

          ส่วน Roh Tae-woo นั้นเป็นประธานาธิบดีต่อจาก Chun Doo-hwan โดยครองอำนาจระหว่าง 1988-1993 ทั้งสองโดนข้อหาคอรัปชั่นและกบฏ โดยติดคุกอยู่ 2 ปี ก่อนที่ประธานาธิบดีคนต่อมาคือ Kim Young-sam (1993-1998) อภัยโทษให้ในปี 1997

          ติดคุกไปแล้ว 2 คน ยังไม่พอ ยังมีคนที่ 3 อีกคือนาย Roh Moo-hyun (2003-2008) ที่ถูกสอบสวนคดีคอรัปชั่นพร้อมกับภรรยาหลังพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่กรรมตามเขาไม่ทันเพราะในปีต่อมาคือ 2009 เขาก็หนีคดีที่ถูกกล่าวหาว่ารับเงิน 6 ล้านเหรียญจากนักธุรกิจขณะอยู่ในตำแหน่งด้วยการฆ่าตัวตาย โดยโดดลงมาจากหน้าเผาหลังบ้านพักของเขาในชนบท โดยทิ้งจดหมายลาตายว่าไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมาทนทุกข์ทรมานกับเขาด้วย

          ข้อสังเกตคือก่อนหน้านี้ไม่นานมีนักการเมืองในระดับชาติและท้องถิ่นที่กำลังถูกสอบสวนเรื่องคอรัปชั่นถึง 4 รายที่ฆ่าตัวตายไป และอีก 1 รายหลังจากที่นาย Roh ตายไปแล้ว

          ล่าสุดเมื่อกลางปี 2012 ประธานาธิบดี Lee Myung-bak (เป็นประธานาธิบดี 2008-2013) ออกมาขอโทษขอโพยประชาชนเรื่องคดีคอรัปชั่นของพี่ชายและผู้ช่วยหลายคนที่โดนตัดสินจำคุก เขายอมรับในความไม่รอบคอบในการควบคุมดูแลคนเหล่านี้

          สำหรับไต้หวันนั้นประธานาธิบดี Chen Shui-bian และภรรยายังคงอยู่ในคุกตั้งแต่ปี 2009 เมื่อศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีคอรัปชั่นรับเงินสินบนเกือบ 14 ล้านเหรียญ

          สุดท้ายประธานาธิบดีอิสราเอล Moshe Katsav ถูกศาลตัดสินในคดีข่มขืนหญิง 3 คน ขณะเป็นรัฐมนตรีท่องเที่ยวและเป็นประธานาธิบดี มีโทษจำคุก 7 ปี โดยอยู่ในคุกตั้งแต่ปี 2011

          ทั้งหมดที่เล่ามานี้ต้องการชี้ให้เห็นว่าในประเทศอื่น ๆ นั้นคนใหญ่โตเขาติดคุกกันจริง ๆ และหนักด้วยสำหรับความผิดคดีอาญาโดยเฉพาะคดีคอรัปชั่นโดยไม่มีการรอการลงอาญา ไม่มีการพิจารณาที่ยาวนานจนผู้คนลืมและลงโทษเบา ๆ แบบ “เขกเข่า” เนื่องจากเป็น “ผู้ใหญ่”

          สิ่งที่ทำให้การลงโทษคนทำผิดที่มีตำแหน่งสูงในราชการหรือการเมืองไทยในคดีคอรัปชั่นไม่เกิดขึ้นบ่อย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ mental block (กำแพงใจ) ของคนไทยเราว่า “ผู้ใหญ่” ที่เคยทำ “ความดี” มาไม่สมควรถูกลงโทษติดคุก และจุดนี้แหละที่ทำให้ไม่สามารถปราบคอรัปชั่นได้

          ทำไม “ผู้ใหญ่” ที่ทำผิดจึงติดคุกไม่ได้? ถ้าเราจะปราบคอรัปชั่นชนิดเฉพาะ “เด็ก” เท่านั้นที่ติดคุกได้ เมื่อไหร่เราจะฆ่าไอ้ปลวกร้ายที่บอนเซาะสังคมของเราได้หมด?

          คอรัปชั่นในภาครัฐซึ่งคือการเอาอำนาจที่รัฐมอบให้เอาไปใช้หาประโยชน์เข้าตัวเองจะหมดไปได้ก็ต่อเมื่อผู้คนใคร่ครวญประเมินผลที่คาดว่าจะได้รับจากคอรัปชั่นกับผลเสียที่เขาจะได้รับซึ่งได้แก่การถูกยึดทรัพย์สินและติดคุก

          ถ้าผลได้ไม่คุ้มผลเสีย ก็จะไม่คิดคอรัปชั่น ดังนั้นการป้องกันก็คือการทำให้เห็นว่าผลเสียมันสูงจริงและเกิดขึ้นจริงกับทุกคนอย่างเสมอหน้ากัน ด้วยการดำเนินคดีคอรัปชั่นอย่างไม่ไว้หน้า

          การปราบคอรัปชั่นต้องทำกับทุกโครงการที่ได้เกิดขึ้นในอดีตด้วย ไม่ใช่ลืมกันไปและ ยกโทษให้ ต้องให้ติดคุกกันจริง ๆ ในทุกระดับ และปรับริบทรัพย์สินเข้าหลวงให้ใกล้เคียงกับที่โกงไปด้วย

          ถ้าพวกเราไม่แก้ไขปัญหาคอรัปชั่นกันจริงจัง ใครชาติไหนจะทำให้เรา และถ้าไม่ทำกันในวันนี้ แล้วเมื่อไหร่จะทำ จะรอให้ไอ้ปลวกร้ายนี้กินบ้านหมดก่อนหรือไร 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *