ฆาตกรชื่อเก้าอี้

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
9
ธันวาคม 2557

Photo by Renè Müller on Unsplash

         ผู้คนมักเข้าใจว่าปืนและมีดคือเพชรฆาตทันควัน ส่วนความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดชนิดเลว (LDL) สูงคือเพชรฆาตผ่อนส่ง แท้จริงแล้วเก้าอี้นี่แหละคือฆาตกรอีกตัวหนึ่งที่มาแบบเงียบ ๆ และเป็นพ่อของเพชรฆาตผ่อนส่งข้างต้น

          นิตยสาร Scientific American ฉบับพฤศจิกายน 2014 รายงานว่างานศึกษาวิจัย 18 ชิ้น ใน 16 ปีที่ผ่านมาซึ่งครอบคลุมประชากรทั้งหมด 800,000 คน สรุปตรงกันว่าเก้าอี้คือฆาตกร ตัวอย่างเช่นการศึกษาในปี 2010 ซึ่งรายงานไว้ในวารสาร Circulation สำรวจผู้ใหญ่ 8,800 คน เป็นระยะเวลา 7 ปี สรุปว่าคนที่นั่งมากกว่าวันละ 4 ชั่วโมงดูทีวี เมื่อเทียบกับคนที่นั่งดูทีวีน้อยกว่า วันละ 2 ชั่วโมงแล้ว มีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 46

          งานศึกษาอื่น ๆ พบว่าการนั่งมากกว่าครึ่งวันในแต่ละวันทำให้ความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว และโดยทั่วไปในภาพรวมเมื่อคำนึงถึงสาเหตุของโรคต่าง ๆ รวมกันแล้วก็พบว่าเมื่อเปรียบเทียบกลุ่มคนที่นั่งกับกลุ่มคนที่กระฉับกระเฉงเดินไปมาแล้ว คนกลุ่มแรกนี้มีโอกาสตายสูงกว่าถึงร้อยละ 50

          ทำไมการแค่นั่งธรรมดาทำให้มีโอกาสตายสูงขึ้น? คำตอบง่าย ๆ ก็คือการนั่งเป็นระยะเวลานาน ๆ ไม่สอดคล้องกับการที่ร่างกายมนุษย์ถูกออกแบบมา ธรรมชาติสร้างให้มนุษย์เคลื่อนไหวเดินไปมา มีความกระฉับกระเฉง การนั่งนาน ๆ อย่างไม่เคลื่อนไหวทำให้ระบบการทำงานเผาผลาญพลังงานของร่างกายซึ่งทำให้อาหารที่บริโภคเข้าไปถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานทำงานช้าลง เกิดการสะสมของไขมัน ความอ้วน (obesity) ตามมาจนนำไปสู่โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไขข้ออักเสบ และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวพันกับการมีน้ำหนักเกินปกติ

          การนั่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับคนไม่อ้วนเช่นกัน เช่น การนั่งหลังจากรับประทานอาหาร นำไปสู่การพุ่งสูงขึ้นของน้ำตาลในเลือด การเดินหลังอาหารสามารถลดยอดที่พุ่งสูงขึ้นได้ครึ่งหนึ่ง

          มนุษย์มีความเข้าใจผิดว่าปัญหาสุขภาพเกี่ยวพันกับการกินมากเกินไปโดยมองข้ามการนั่งแบบเจ่าจุกไป ถ้าจะมองให้ไกลออกไปก็จะพบว่านิสัยอันเกิดจากความเคยชินในเรื่องการเคลื่อนไหวร่างกายคือปัจจัยสำคัญของบรรดาปัญหาสุขภาพ ซึ่งนิสัยชอบเดินเคลื่อนไหวร่างกายมากกว่านั่งโดยไม่ทำอะไรบนเก้าอี้นั้นแก้ไขง่ายกว่าการกินมากเกินไปด้วยซ้ำ

          ในประเทศญี่ปุ่นมีการรณรงค์ “10,000 ก้าวเพื่อสุขภาพ” และลามไปสู่หลายประเทศในปัจจุบัน เป้าหมายที่เป็นรูปธรรมนี้เป็นที่นิยมซึ่ง 10,000 ก้าวนี้ก็เท่ากับการเดินไม่ต่ำกว่า 6 กิโลเมตรต่อวัน สำหรับคนไทยที่ไม่ได้เดินขึ้นรถไฟไกล ๆ เหมือนคนญี่ปุ่นอาจทำได้ยากหากไม่มีความมุ่งมั่น อย่างไรก็ดีหลักฐานเรื่องปัญหาสุขภาพข้างต้นก็น่าจะเพียงพอต่อการเปลี่ยนพฤติกรรมที่ชอบนั่งมาเป็นยืนและเดินแทนแล้ว

          นโปเลียน โบนาปาร์ต มีชื่อเสียงในเรื่องการยืนทำงาน กล่าวคือโต๊ะที่ทำงานมีความสูงอย่างเหมาะต่อการยืนทำงาน การไม่มีเก้าอี้ให้นั่งทำให้คนที่เข้าพบใช้เวลาสั้นจนเป็นการใช้เวลาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในปัจจุบันบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นบางแห่งใช้การยืนประชุมแทนการนั่งเป็น ชั่วโมง ๆ ดังที่เคย และพบว่าสามารถหาข้อตกลงได้ในเวลาที่สั้นกว่า และสอดคล้องกับหลักสุขภาพตามที่ได้พบมาจากงานวิจัยอีกด้วย

          มีการทดลองสร้างโต๊ะทำงานสูงคล่อมสายพานเดินที่มีความเร็ว 1-2 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้คนทำงานต้องยืนและเดินช้า ๆ อยู่ตลอดเวลา ผู้ทดลองพบว่าทำให้สมองตื่นตัว มีความเครียดน้อยลง น้ำหนักลดลง ความดันโลหิตและน้ำตาลในเลือดลดลง ข้อสรุปนี้ปรากฏในวารสาร Health Services Management Research ในปี 2011

          ถ้าจะไปไกลถึงบรรพบุรุษของเรา ก็พบว่าการเดินทำให้เรามีวันนี้กัน นักชีววิทยา 2 คน คือ D.E. Lieberman และ D.M. Bramble เขียนบทความลงวารสาร Nature ในปี 2004 ชี้ให้เห็นว่าบรรพบุรุษของเราที่สืบทอดลูกหลานมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะความอึดทนทานในการเดินและวิ่งไล่ตามเหยื่อที่เป็นสัตว์อย่างไม่ลดละ จนในที่สุดสัตว์ก็ทนไม่ไหวต้องล้มลงและเป็นอาหารในที่สุด

          การเดินทนทานทำให้เกิดอาหารและมีพลังที่จะผลิตลูกหลาน ยีนส์จากผู้แข็งแรงจากการเดินเหล่านี้ถูกถ่ายทอดลงมาจนถึงพวกเรา (มนุษย์ทุกคนมีประวัติศาสตร์ของครอบครัวที่ยาวเท่ากันคือประมาณ 7,500 ชั่วคน หรือประมาณ 150,000 ปี ของช่วงเวลาที่มีหน้าตาและรูปร่างเหมือนมนุษย์ใน ทุกวันนี้ คนที่คุยว่าตนเองมาจากครอบครัวที่เก่าแก่ กำลังลืมความจริงข้อนี้)

          เมื่อนิสัยการเดินทนทานฝังอยู่ในยีนส์ของพวกเรา จึงควรสนองตอบสืบทอดคุณลักษณะนี้ต่อไปเพื่อความแข็งแรงของมนุษยชาติและของตัวเราเอง

          การนั่งก้มหน้าตลอดเวลาดูสิ่งประดิษฐ์อัศจรรย์ในปัจจุบันซึ่งเท่ากับเป็นการตัดสัมพันธ์กับมนุษย์คนอื่น ๆ ขัดแย้งกับความเป็น “สัตว์สังคม” ของมนุษย์ที่ทำให้เราอยู่รอดกันมาโดยอยู่เป็น หมู่เหล่า มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน มิฉะนั้นคงถูกสัตว์ร้ายฆ่าตายหมดแล้ว

          หลักฐานงานศึกษาวิจัยมีท่วมท้นว่าการนั่งเจ่าจุกบนเก้าอี้ การมีชีวิตที่รัก การกิน นั่ง และนอนอย่างขาดความกระฉับกระเฉง ไม่ชอบการออกกำลังกายและไม่ชอบการเดิน คือการทำลายสุขภาพอย่างสำคัญ

          เดินให้มาก นั่งให้น้อย ไม่กินอาหารเกินพอดี มีชีวิตที่คึกคักกระฉับกระเฉง และมีทัศนคติที่เป็นบวกต่อชีวิต ดูจะเป็นทางออกของการมีสุขภาพที่ดีถึงแม้จะทำให้คนที่อยากให้เราจากไปรำคาญมากขึ้นก็ตามที

          จงมองเก้าอี้ด้วยความระแวงเพราะมันคือฆาตกรตัวจริง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *