วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
14 ตุลาคม 2557
เมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา เกิดสิ่งแปลกใหม่ขึ้นในอินเดียนั่นก็คือมุขมนตรี รัฐ Tamil Nadu ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของประชาชนถูกศาลตัดสินจำคุก 4 ปี ในข้อหาคอรัปชั่น คนระดับนี้ในประเทศกำลังพัฒนาติดคุกติดตะรางกันได้อย่างไร
Jayalalithaa Jayaram (ขอเรียกว่า JJ) หรือชื่อที่ชาวบ้านเรียกอย่างรักใคร่ว่า “Amma” ซึ่งแปลว่า “แม่” ปัจจุบันมีอายุ 66 ปี เธอมีความงามสวยผ่องสมวัยเพราะในอดีตเธอเป็นดาราภาพยนตร์ชื่อดังของรัฐนี้ โดยเล่นหนังตั้งแต่อายุ 15 ปี มา 150 เรื่อง
JJ ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นอเมริกันคนนี้เรียนหนังสือในโรงเรียนฝรั่ง เธอเรียนเก่งมากแต่ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยถึงแม้จะได้รับทุนก็ตาม แม่ของเธอซึ่งเป็นหม้ายเพราะพ่อ JJ ตายตั้งแต่เธออายุ 2 ขวบ เป็นนักแสดงจึงผลักดันเธอเข้าสู่วงการจนมีชื่อเสียงโด่งดัง
เธอเล่นการเมืองตอนอายุ 34 ปี ในปี 1982 โดยทำงานให้พรรค AIADMK ซึ่งเป็นพรรคใหญ่ของรัฐ ในปี 1989 เธอก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐและได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคในเวลาต่อมา
ในปี 1991 เธอก็ได้รับเลือกเป็นมุขมนตรี (นายกรัฐมนตรีของรัฐ) ของ Tamil Nadu เมื่อพรรคของเธอที่จับมือกับพรรค Indian National Congress ชนะเลือกตั้งอย่างท่วมท้นหลังจาก Rajiv Gandhi นายกรัฐมนตรีและผู้นำพรรคร่วมของเธอถูกสังหารไม่กี่วัน กระแสคะแนนเห็นใจทำให้เธอได้เป็นมุขมนตรีครั้งแรก
JJ ได้รับเลือกตั้งเป็นมุขมนตรีรวมทั้งหมด 3 ครั้ง คือ 1991-1996 / 2002-2006 และ 2011 ถึงปลายเดือนกันยายน 2014 เมื่อมีคำตัดสินของศาลที่ทำให้เธอต้องหลุดจากตำแหน่งทันที เนื่องจากเมื่อปลายปี 2013 ศาลสูงของอินเดีย (Supreme Court) ได้มีคำตัดสินสำคัญ ห้ามนักการเมืองที่ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ขึ้นไปดำรงตำแหน่งการเมืองหรือลงเลือกตั้งอีก
ทันทีที่ศาลตัดสินจำคุกเธอก็ถูกคุมขังเข้าคุกทันที เธอกำลังขออุทธรณ์ แต่ระหว่างนี้ก็ต้องนอนในคุก ในวันตัดสินของศาลแฟน ๆ กว่า 5,000 คน มาเป็นกำลังใจและเมื่อทราบ คำตัดสินก็ร้องไห้ใคร่ครวญกันยกใหญ่
ในคดีที่ใช้เวลาถึง 18 ปีนี้ ศาลระบุว่าเธอมีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 330 ล้านบาท ที่อธิบายแหล่งที่มาไม่ได้ (ส่วนหนึ่งของความมั่งคั่งคือที่ดิน 5,000 ไร่ ทองคำ 30 กิโลกรัม ส่าหรี 12,000 ชุด) จำเลยคนอื่น ๆ ที่ถูกตัดสินว่าทุจริตคอรัปชั่นร่วมกับเธอก็คือคนสนิท หลานชายและหลานสาว ตลอดจนลูกชายที่เธอขอมาเลี้ยงซึ่งปัจจุบันเธอไม่นับเป็นลูกอีกต่อไป
ลูกชายคนนี้เธอแต่งงานให้ในปี 1991 หลังจากเธอเป็นมุขมนตรีไม่นาน การแต่งงานครั้งนี้ได้สร้างสองสถิติที่บันทึกไว้ใน Guinness World Record กล่าวคือมีคนมาร่วมงานแต่งงานมากที่สุด (จอที่ตั้งไว้ถ่ายทอดภาพในงานมีผู้ชม 150,000 คน) และมีงานเลี้ยงแต่งงานที่ใหญ่ที่สุด เมื่อผู้คนพูดกันว่าเธอเอาเงินทองจากไหนมาจัดงานสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ เธอก็บอกว่าฝ่ายโน้นซึ่งเจ้าสาวเป็นหลานปู่ของดาราภาพยนตร์ชายที่มีชื่อเสียงมากของรัฐ Tamil Nadu เป็นผู้จ่าย
เธอมีชื่อเสียงอื้อฉาวในเรื่องคอรัปชั่นมายาวนานพอควรซึ่งเธออธิบายเสมอว่าเธอบริสุทธิ์ (คือไม่โกง ไม่ใช่สาวพรหมจรรย์) คำกล่าวหาเป็นการทำลายกันทางการเมืองของฝ่ายตรงข้าม (ฟังดูคุ้นจัง) ในปี 2001 เธอลงเลือกตั้งไม่ได้เพราะศาลตัดสินจำคุกเธอ 5 ปีในข้อหาหนึ่งที่สำคัญก็คือการครอบครองทรัพย์สินของรัฐโดยมิชอบ แต่ต่อมาในปี 2002 เธอก็พ้นคำตัดสินในบางข้อหาจนสามารถลงเลือกตั้งได้และกลับมาเป็นมุขมนตรีอีกครั้ง
ในอินเดียการที่นักการเมืองใหญ่ไม่ว่าในระดับรัฐหรือระดับประเทศติดคุกในข้อหาคอรัปชั่นนั้นเป็นเรื่องแปลกประหลาด คดีของคนกลุ่มนี้มีมากแต่ใช้เวลายาวนานจนจำเลยตายหรือไม่ก็ผู้คนลืมไปแล้ว และในที่สุดก็แค่ “เขกเข่า” และก็เลิกกันไป คนติดคุกก็มีแต่ปลาซิวปลาสร้อย เมื่อ JJ ซึ่งเป็นนักการเมืองดังของรัฐ Tamil Nadu และเป็นที่รู้จักกันดีในระดับชาติติดคุกข้อหาคอรัปชั่น กลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นในอินเดียซึ่งมีอยู่มากพอควรจึงรู้สึกยินดีแต่ก็ระมัดระวังคำพูดเพราะกลัวหน้าแตกเนื่องจากไม่รู้ว่าจะติดจริงหรือไม่ และติดนานเท่าใด
ผู้คนรู้จัก JJ ก็เพราะรัฐ Tamil Nadu มีประชากร 72 ล้านคน (มี Chennai หรือ Madras ซึ่งเป็นชื่อเก่าเป็นเมืองหลวง) เป็นรัฐของชาวทมิฬผู้มีผิวสีเข้มข้นกว่าคนอินเดียทั่วไป (พวกเดียวกับทมิฬที่อยู่ในศรีลังกาซึ่งถูกปราบไปโดยพวกสิงหลเมื่อ 4-5 ปีก่อน) และเป็นรัฐที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน 29 รัฐของอินเดีย (รัฐใหญ่สุดคือ Maharashtra มีประชากร 110 ล้านคน มี Mumbai หรือ Bombay ซึ่งเป็นชื่อเก่าเป็นเมืองหลวง)
การติดคุกของมุขมนตรีรัฐใหญ่ผู้มาจากรัฐเพื่อนบ้าน คือ Karnataka (เธอจึงไม่มีผิวสีเดียวกับชาวทมิฬ) เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วอินเดียและทั่วโลก คาดว่าสร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วเมื่อผู้คนเห็นว่าคนใหญ่โตก็ติดคุกได้เพราะบังอาจแปลงอำนาจที่ตนมีเพื่อประโยชน์แห่งสาธารณชนไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ถ้าคนใหญ่คนโตประพฤติมิชอบแล้วไม่ถูกลงโทษ ก็จะไม่ยำเกรงและจักประพฤติซ้ำอีกเสมอ ปัญหาคอรัปชั่นก็แก้ไม่ได้ เหตุผลหนึ่งที่ไม่ถูกลงโทษกันในประเทศกำลังพัฒนาก็เพราะผู้คนในกระบวนการยุติธรรมส่วนใหญ่มี “กำแพงใจ” ว่าคนใหญ่โตโดยเฉพาะข้าราชการชั้นผู้ใหญ่และนักการเมืองนั้นติดคุกไม่ได้
ยาหยุดคอรัปชั่นได้ชะงัดในระยะสั้นในสังคมเราก็คือการส่งสัญญาณให้ประชาชนรู้ว่าภาครัฐเอาจริงในเรื่องคอรัปชั่นผ่านการเร่งรัดคดีคอรัปชั่นทั้งหลายในอดีตที่ค้างอยู่โดยสนับสนุนการลงโทษคนทำผิดอย่างเด็ดขาดและทันใจ นอกจากนี้ก็เอาคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองที่มีหลักฐานชัดเจนว่าคอรัปชั่นในคดีใหม่ ๆ มาลงโทษอย่างไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม เราจะปราบปรามคอรัปชั่นกันได้ก็ด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของภาคประชาชนในความรู้สึกเดียวกับคำกล่าวของมหาตมะคานธีที่ว่า “ฉันจะไม่ยอมให้ใครเดินผ่านเข้ามาในใจของฉันด้วยเท้าที่สกปรก” (I will not let anyone walk through my mind with their dirty feet)