คำอวยพรปีใหม่

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
6
มกราคม 2558

Photo by Sincerely Media on Unsplash

          ปี 2558 เป็นปีอันเป็นมงคลยิ่งของพสกนิกร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา ในวาระอันประเสริฐนี้ผมขออาราธนาพระบารมีแห่งพระองค์ท่านอันเป็นที่เคารพเทิดทูนยิ่งได้โปรดอภิบาลและประทานพรท่านผู้อ่านทุกท่านในวาระปีใหม่ 2558 นี้

          เด็กประมาณ 45,000 คน ใน 33 จังหวัด ได้รับโอกาสในชีวิตที่ดีก็ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านภายใต้มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ฯ ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผมและเพื่อน ๆ ที่ทำงานรับผิดชอบสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

          วันปีใหม่ที่ผ่านมาผมไม่เคยเห็นสติ๊กเกอร์และคำอวยพรในโลกอินเตอร์เน็ตครั้งใดที่ปรากฏตัวมากมายเช่นนี้มาก่อน วันนี้ขอคัดเลือกบางคำอวยพรดังต่อไปนี้มาเป็นอาหารสมองครับ

          คนที่มีความทุกข์ส่วนใหญ่เมื่อเห็นคนที่มีความสุขมักมีคำถามในใจว่า…..“ทำไมเขามีความสุขจังทั้ง ๆ ที่บ้านก็ไม่ได้รวย” “ทำไมเขามีความสุขจัง ทั้ง ๆ ที่หน้าตาก็ไม่สวย” “ทำไมเขามีความสุขจังทั้ง ๆ ที่เป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัย” “ทำไมเขามีความสุขจัง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีของดี ๆ กิน” ฯลฯ

          คำตอบก็คือ…..ความสุขไม่ได้เกิดจากความร่ำรวย รูปร่างหน้าตาดี หน้าที่การงานสูง การกินดีอยู่ดี ฯลฯ แต่ความสุขเกิดจากสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา เกิดจากความคิดจิตใจที่ดีงาม เกิดจากร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์

          คนที่มีความสุขจึงมักจะทำอะไรแตกต่างจากผู้อื่น ดังนั้นหากอยากมีความสุขอย่างแท้จริงก็ต้องหันมาปรับเปลี่ยนตัวเอง และเรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องที่คนมีความสุขทำอย่างสม่ำเสมอ (1) ให้อภัยและลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ คนมีความสุขรู้ว่าการให้อภัยและลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการมีความสุข เพราะหากยังเก็บความรู้สึกแย่ ๆ ไว้ นั่นหมายถึงตัวเรายังรู้สึกไม่พอใจ โกรธ เสียใจ ฯลฯ ซึ่งเป็นอารมณ์ไม่ดีที่ขัดขวางหนทางแห่งความสุข (2) มีความรักความเมตตา คนมีความสุขมักเป็นคนที่มีความรักความเมตตา เรียนรู้ที่จะรักตัวเองด้วยการทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเองเสมอ และเผื่อแผ่ความรักความเมตตาไปยังคนรอบข้าง ซึ่งไม่เพียงทำให้ผู้อื่นมีความสุข แต่ยังทำให้ตัวเองมีความสุขไปด้วย เพราะเมื่อแสดงความรักความเมตตาต่อผู้อื่น สมองจะหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุขออกมา (3) เข้าใจผู้อื่น คนมีความสุขเข้าใจดีว่า คนเราล้วนมีทั้งสิ่งดีและไม่ดีในตัวเอง เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน ดังนั้น จึงพยายามเข้าอกเข้าใจผู้อื่นให้มากขึ้น ซึ่งนั่นก็หมายถึงความสุขที่เพิ่มขึ้นด้วย (4) มองปัญหาเป็นสิ่งท้าทาย คนมีความสุขรู้จักปรับเปลี่ยนทัศนคติ ว่าเมื่อใดก็ตามที่เจอปัญหาก็จะขจัดปัญหานั้น ๆ ออกจากใจจนหมดสิ้น และมองว่าปัญหาไม่ได้เป็นปัญหา แต่เป็นเรื่องท้าทาย หรือเป็นโอกาสใหม่ ๆ ที่อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น (5) พอใจในสิ่งที่มี คนมีความสุขจะพึงพอใจสิ่งที่มีในชีวิต ทำให้มีอารมณ์ดี สามารถจัดการความเครียด และไปถึงเป้าหมาย ได้ดีกว่าคนที่ไม่พอใจในสิ่งที่มี ซึ่งต้องดิ้นรนทุกวิถีทาง จนทำให้เกิดความทุกข์

          (6) พูดถึงผู้อื่นในแง่ดี คนมีความสุขไม่ชอบนินทาผู้อื่น เพราะเห็นว่าการนินทาว่าร้ายเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ และคนที่ชอบนินทาผู้อื่น มักไม่มีใครคบ ดังนั้น จึงมักจะพูดถึงคนอื่นในแง่ดีเสมอ (7) อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก คนมีความสุขจะพาตัวเองเข้าไปคลุกคลีกับกลุ่มคนที่มองโลกในแง่ดีและมีความสุข เพราะการอยู่ท่ามกลางคนเหล่านี้ จะได้รับพลังด้านดีจากพวกเขามาโดยไม่รู้ตัว (8) ไม่เสียเวลากับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คนที่มีความสุขไม่มัวหมกมุ่นเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง แม้ว่าเรื่องนั้นจะผ่านมาเป็นปี เป็นเดือน หรือแม้แต่แค่วันเดียว เพราะรู้จักปล่อยวางเรื่องกวนใจเล็กๆน้อยในแต่ละวันไว้ข้างหลัง การปล่อยวางมันได้ จะทำให้หลุดพ้นจากอารมณ์ด้านลบ และเปิดทางให้ความสุขเข้ามาแทนที่ (9) ไม่โทษใคร คนมีความสุขเต็มใจยอมรับเมื่อทำผิดพลาด และถือเป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ เพื่อทำให้ดียิ่งขึ้นในครั้งหน้า ดีกว่าการกล่าวโทษผู้อื่นว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ล้มเหลว เนื่องจากการทำเช่นนั้น เท่ากับว่ายังจมปลักกับมันอยู่

          (10) ไม่เปรียบเทียบ คนมีความสุขรู้ว่าชีวิตของใครก็ของมัน แต่ละคนล้วนมีวิถีทางของตัวเอง ดังนั้น จึงไม่นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แม้จะมองว่าตัวเองดีกว่าก็ตาม เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่ได้ทำให้มีความสุข แต่กลับเป็นการบ่มเพาะนิสัยไม่ดีที่ชอบตัดสินผู้อื่นและคิดว่าตนเองเหนือกว่า (11) อยู่กับปัจจุบัน คนมีความสุขมีใจจดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ขณะนั้น โดยหยุดคิดวนเวียนถึงเรื่องราวในอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เพราะการรับรู้และกระทำในสิ่งที่เป็นไปในปัจจุบันขณะมีความสำคัญมากกว่าอะไรทั้งหมด (12) ทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ คนมีความสุขบ่อยครั้งมักทำตามฝันและเสียงเรียกร้องของหัวใจ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ใจปรารถนาอย่างแท้จริง การได้ลงมือทำสิ่งนั้น ๆ ย่อมนำความสุขมาให้อย่างมิต้องสงสัย (13) รับฟังความคิดเห็น คนมีความสุขรู้ว่า การรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมีข้อดีเช่นกัน เพราะนอกจากจะช่วยให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นแล้ว บางครั้งมันยังทำให้ได้ไอเดียใหม่ ๆ หลายอย่างที่แตกต่างออกไป ซึ่งจะช่วยต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกไปไม่รู้จบ (14) ถนอมความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง คนมีความสุขมักหาเวลาไปเยี่ยมเยียนหรือใช้เครื่องมือสื่อสารกับคนในครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย เพราะการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมนั้น เป็นกุญแจไขไปสู่ความสุข (15) ซื่อสัตย์สุจริต คนมีความสุขตระหนักดีว่า ทุกครั้งที่โกหกหลอกลวงจะทำให้เกิดความเครียดเพิ่มขึ้น ซ้ำร้ายเมื่อมีคนจับได้ย่อมส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทั้งด้านส่วนตัวและสังคม ในทางตรงข้าม ความซื่อสัตย์สุจริตจะช่วยให้จิตใจสบาย ไม่หวาดผวา และได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากผู้อื่น

          (16) ตื่นนอนเวลาเดิมทุกเช้า คนมีความสุขจะตื่นนอนเวลาเดิมทุกเช้า เพราะจะช่วยควบคุมนาฬิกาชีวิตให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ข้อสำคัญ คนมีความสุขรู้ว่า การตื่นนอนแต่เช้าเป็นหนึ่งในนิสัยของคนที่ประสบความสำเร็จหลาย ๆ คน เพราะจะทำให้มีเวลาและสมาธิมากขึ้นในการทำงาน (17) กินถูกหลักโภชนาการ คนมีความสุขเลือกกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายและสมองให้อยู่ในภาวะที่พร้อมจะทำงาน และเข้าใจดีว่าอาหารที่กินแต่ละมื้อนั้น มีผลกระทบโดยตรงต่อระดับอารมณ์และพลังงานทั้งในระยะสั้นและยาว รวมถึงงดกินพวก Junk food หรืออาหารขยะที่ไม่มีประโยชน์และมีแนวโน้มก่อให้เกิดโรคเรื้อรัง (18) ออกกำลังกาย คนมีความสุขไม่เคยมองว่า การออกกำลังกายมีไว้เพื่อลดน้ำหนัก ป้องกันโรค และทำให้ชีวิตยืนยาวเท่านั้น หากยังช่วยในเรื่องจิตใจ ทำให้มีความสุขมากขึ้น เพราะการออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับสารเคมีในสมองที่มีผลต่อสุขภาพที่ดี เพราะมันช่วยลดความเครียดและคลายอาการซึมเศร้าได้

          (19) ทำสมาธิ คนมีความสุขหาเวลาทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกสงบสุขภายใน มีงานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า การทำสมาธิสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสมองที่ช่วยทำให้คนเรามีความสุขมากขึ้น (20) ยอมรับในสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คนมีความสุขรู้สัจธรรมว่าทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ทั้งหมด การเรียนรู้และยอมรับความจริงที่ตนเองมิอาจไปเปลี่ยนแปลงได้นั้น ย่อมนำความทุกข์มาให้น้อยกว่า (จากนิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 151 กรกฎาคม 2556 โดยประกายรุ้ง)
สุดท้ายมี 3 ข้อความที่ชอบมากคือ (1) ความสบายใจไม่ได้เกิดากทำทุกสิ่งให้ได้ดังใจ แต่เกิดจากใจที่ยอมรับว่าไม่มีอะไรที่จะได้ดังใจเราไปทั้งหมด (2) สิ่งที่ย้อนไม่ได้ คือ เวลา สิ่งที่หนีไม่ได้ คือ ความตาย สิ่งที่ซื้อไม่ได้ คือ สุขภาพและชีวิต สิ่งที่มองไม่เห็น คือ ใจคน สิ่งที่ต้องอดทน คือ ใจตัวเอง (3) กำลังใจอาจหาได้จากคนรอบข้าง แต่ความเข้มแข็งเราต้องสร้างมันขึ้นเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *