สมบัติลับของปูติน

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
13 พฤษภาคม 2557

          ปูตินผู้นำรัสเซียยึดแหลมไครเมียของยูเครนประเทศเพื่อนบ้านได้เมื่อเร็ว ๆ นี้โดยแทบไม่ต้องออกแรง ถึงจะดูง่าย ๆ แต่ผลกระทบที่เกิดตามมาก็คือ ปูตินกำลังถูกสหรัฐอเมริกาตอบโต้โดยการโพนทะนาให้ชาวโลกรู้ว่าสมบัติลับส่วนตัวที่ว่ากันว่าปูตินสะสมไว้กว่า 40 พันล้านเหรียญสหรัฐ (1.36 ล้าน ๆ บาท) นั้นมีจริง เรื่องนี้สนุกก็เพราะว่า “สมบัติลับ” ที่ผิดกฎหมายนี้กำลังถูกไล่ล่าหนักมือขึ้น ทุกวัน

          “สมบัติลับ” ของปูตินพูดกันมากว่า 15 ปีแล้ว ตัวเลขมีตั้งแต่ 40 พันล้านเหรียญถึง 70 พันล้านเหรียญสหรัฐ ชาวโลกกำลังหูผึ่งอีกครั้งกับคำแถลงของกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็ว ๆ นี้เพื่อตอบโต้การยึดครองแหลมไครเมีย (ไม่ได้คาดว่ายูเครนจะได้คืน แต่ป้องกันไม่ให้ปูตินเกเรคิดทำอีกในบริเวณอื่นในอนาคต) ที่ว่า “ปูติน เป็นเจ้าของร่วมของบริษัท Gunvor และอาจเข้าถึงเงินกองทุน Gunvor (Gunvor Funds)” ซึ่ง Gunvor Funds นี้ก็คือ “สมบัติลับ” นั่นเอง

          สหรัฐอเมริกาแถลงออกมาตรง ๆ อย่างนี้พร้อมกับทยอยประกาศรายชื่อนักธุรกิจรัสเซียและผู้ผูกพันกับธุรกิจรัสเซียที่จะถูกแซงชั่น (sanctions) ต่อไป เพื่อปลุกประเด็น “สมบัติลับ” ของปูติน และเพื่อขู่ปูตินไม่ให้ “ซ่า” กว่านี้ มิฉะนั้นอาจอายัดการเข้าและออกของเงินกองทุนนี้หากรู้ว่าอยู่ที่ไหน

          ขอเล่าก่อนว่าปูตินมีที่มาที่ไปอย่างไรถึงคนเชื่อกันว่ารวยขนาดนั้น ปูตินเกิดมาไม่ได้ร่ำรวย ผู้สืบสาวราวเรื่องประวัติของครอบครัวเขาก็รู้สึกแปลกใจเพราะไล่ไปได้แค่ปู่เท่านั้นเอง และ ไม่มีใครอีกที่มีนามสกุลปูตินนี้เลย ตัวปูตินเองก็ไม่เคยเปิดเผย

          Vladimir Putin เกิดปี 1952 ในเมือง Leningrad (ชื่อเมืองดั้งเดิมและกลับมาใช้อีกครั้ง คือเมือง Saint Petersburg) แม่ทำงานโรงงานอุตสาหกรรมสไตล์คอมมูนิสต์ ส่วนพ่อเป็นทหารในกองทัพเรือโซเวียต เขาเรียนจบกฎหมายระหว่างประเทศจาก Leningrad State University เมื่อเรียนจบก็ทำงานกับ KGB ในปี 1975 เคยอยู่ในเยอรมันตะวันออกระหว่างปี 1985-1990

          ในปี 1991 ทำงานให้ KGB โดยเป็นเจ้าหน้าที่สนับสนุนวิชาการ ทำงานให้ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนจบมา เขารู้จักอาจารย์หลายคน และคนหนึ่งได้เป็นนายกเทศมนตรีเมือง Leningrad จึงชักชวนให้เขามาทำงานด้วย

          ดวงชะตาของเขาก็รุ่งโรจน์จากนั้นเป็นต้นมา จากรองนายกเทศมนตรี ย้ายมาทำงานที่มอสโกในปี 1996 ทำงานในหลายหน้าที่ให้ผู้ใหญ่ของพรรคและรัฐบาล ในปี 1997 ประธานาธิบดีเยลต์ซินก็แต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้าทีมบริหารของประธานาธิบดี เขาก้าวหน้าในงานตลอดด้วยความสามารถและความไว้วางใจของพรรค ในปี 1998 ก็ได้เป็นหัวหน้าองค์การ FSB (องค์การหนึ่งที่สืบทอดมาจาก KGB)

          ในปี 1999 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในสามของรองนายกรัฐมนตรี และในวันเดียวกันก็ได้เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี โดยมีประธานาธิบดีเยลต์ซินเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญ ต่อมา เยลต์ซินประกาศว่าปูตินเป็นทายาทของเขา ในปี 2000 เขาก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

          เส้นทางการเมืองของเขาสรุปได้ดังนี้ 1999-2000 เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี ปี 2000-2008 เป็นประธานาธิบดี และเมื่อเป็นประธานาธิบดีสมัยที่สามไม่ได้ก็ลงมาเป็นนายกรัฐมนตรีระหว่างปี 2008-2012 พอมาถึงปี 2012 ก็ขึ้นไปเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง คราวนี้เทอมไม่ใช่ 4 ปีแล้ว หากเป็น 6 ปี

          ปูตินเป็นผู้นำเผด็จการ เขาปราบฝ่ายค้านและคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขาอย่างจริงจังในหลายรูปแบบ เสรีภาพของสื่อนั้นแทบไม่เหลือ สิ่งที่เขาทำซึ่งทำให้เกิดความเชื่อว่าเขามีเงิน แอบซ่อนอยู่และอาจสูงถึง 70 พันล้านเหรียญสหรัฐก็คือ เขาจับนักธุรกิจรัสเซียรวย ๆ เข้าคุกหลายคน ข้อหาหนีภาษี อาชญากรรมต่าง ๆ จนหลายคนต้องหันมาเป็นพวกเขา สิ่งที่เขียนนี้สื่อตะวันตกกล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะเรื่อง Gunvor Funds

          ปูตินสนิทสนมมากกับนาย Gennady Timchenko เจ้าของบริษัท Gunvor ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ระดับโลก ค้าขายน้ำมันดิบและทรัพยากรธรรมชาติทั่วโลก ในปี 2007 บริษัทนี้มียอดขาย 43 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถึงปี 2010 ยอดขายโตเป็น 65 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทใหญ่ของโลกนี้สามารถซื้อและขายน้ำมันดิบในรัสเซียและประเทศใกล้เคียงได้สะดวกและมีอิทธิพลต่อการส่งออกไปยุโรปมากเพราะเชื่อกันว่าปูตินมีส่วนช่วยสนับสนุนอย่างสำคัญ

          CIA เชื่อว่าปูตินมีหุ้นใน Gunvor / Gazprom และ Surgutneftegas บริษัทยักษ์ผลิตและค้าขายพลังงานของรัฐและกึ่งรัฐ ตลอดจนมีเงินทุนลับที่ได้ส่วนแบ่งจากกิจการเหล่านี้เก็บสะสมไว้ที่ไหนสักแห่งเป็นยอดเงินมหาศาลซึ่งจะทำให้เขาเป็นผู้นำของโลกที่รวยที่สุดตั้งแต่โลกเคยมีมา

          ฝ่ายตรงข้าม หน่วยราชการลับ สื่อของประเทศพัฒนาแล้วได้พยายามสืบหากองทุนนี้มานาน มั่นใจว่ามีแน่นอนแต่ยังไม่สามารถหาหลักฐานได้ ปูตินก็ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงว่าเป็นเรื่อง ไร้สาระ

          ครั้งนี้โอบามาให้ทยอยประกาศรายชื่อเพื่อนนักธุรกิจของปูตินเพื่อแซงชั่นออกมาหลายคนโดยการแซงชั่นกระทำในรูปของการห้ามบริษัทอเมริกันเสวนาหรือร่วมทุนใหม่ด้วย กีดกันการใช้บัตรเดรดิต VISA ห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ห้ามบริษัทอเมริกันค้าขายกับบุคคลเหล่านี้ สหรัฐอเมริกาต้องการทำให้เพื่อนปูตินลำบาก ซึ่งจะส่งแรง
          กระทบไปถึงปูตินให้หวาดหวั่น การตกอกตกใจกับวิธีการนี้อาจทำให้มีการโอนเงินก้อนใหญ่ หรือทำธุรกรรมที่ผิดสังเกตเกิดขึ้นได้ ซึ่งจะเป็นจุดนำไปสู่การพบขุมสมบัติและตัดแขนตัดขาปูติน

          คนรัสเซียที่ไม่กลัวปูติน (เพราะอาศัยอยู่ในประเทศอื่น) พยายามเปิดเผยเรื่องของเงินทุนลับนี้แต่ก็เกร็ง ๆ การถูกฟ้องร้อง อย่างไรก็ดีการค้นหาความมั่งคั่งที่แอบซ่อนอยู่ของปูตินไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะน่าจะอยู่ในชื่อคนอื่นหรือบริษัทอื่นโดยถือหุ้นกันสลับซับซ้อนหลายชั้น แต่ผู้ตามหาขุมสมบัติก็ไม่ท้อถอยเพราะเชื่อว่าถ้าค้นพบได้บางส่วนเมื่อใดก็จะนำไปสู่จุดจบของปูตินเมื่อนั้น

          สหรัฐอเมริกาและนักไล่หาขุมสมบัติเห็นว่าปูตินเป็นเผด็จการที่น่ากลัวของโลก และ รู้ดีว่าเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่จะหยุดอิทธิพลของปูตินลงได้ ถ้าพูดกันแบบไทย ๆ ก็คือการค้นพบเงินทุนจะเป็นเสมือน “พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม” ของปูตินก็เป็นได้