“3 คูณ 3” ของนักวิ่งลมกรด

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
13 กันยายน 2559

          ในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนที่ Rio หรือรีโอเดอไจนาโร ประเทศบราซิลเมื่อเร็ว ๆ นี้ มีคนพูดถึง “3 คูณ 3” กันมากเพราะถือได้ว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์หนึ่งของโลก และมีนัยยะของความงดงามในความบากบั่นมานะอย่างยิ่งของมนุษย์

          Usain Bolt (อ่านว่า “ยูเซน โบลต์) สูง 1.95 เมตร อายุ 30 ปีพอดีตอนวิ่ง 100 เมตร 200 เมตร และ 4 x 100 เมตร ในโอลิมปิกครั้งนี้ที่ Rio ผลการแข่งขันก็คือเขาได้เหรียญทองทั้ง 3 เหรียญ และเป็น ผู้ครองสถิติโลกวิ่ง 100 เมตร ในเวลา 9.58 วินาที และสถิติโลกวิ่ง 200 เมตร ในเวลา 19.19 วินาที ที่เบอร์ลินด้วยในปี 2009

          Usain ไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการได้ 3 เหรียญทองครั้งนี้มากเท่ากับรู้สึกโล่งอกเพราะผู้คนคาดหวังกับเขามากจนมีแรงกดดันมหาศาลในการลงวิ่งแข่งทั้ง 3 ประเภทในครั้งนี้ จะไม่กดดันอย่างไรในเมื่อในการแข่งขันโอลิมปิก 2 ครั้งที่แล้ว คือในปี 2008 ที่ปักกิ่ง และในปี 2012 ที่ลอนดอน เขาก็ได้เหรียญทองทั้ง 3 ประเภท จากทั้งสองครั้ง

          เมื่อได้ 3 เหรียญทอง จาก 3 ประเภทเดียวกันมา 2 โอลิมปิกแล้ว ผู้คนบราซิลและชาวโลกที่เป็นแฟนคลับของเขาก็คาดหวังว่าเขาจะต้องได้อีก 3 เหรียญทองเดียวกัน รวมเป็นเหรียญทอง 3 ชุดใน 3 โอลิมปิก หรือ “3 คูณ 3” นั่นเอง

          เมื่อเขาได้เหรียญทองชุดที่ 3 จากโอลิมปิกครั้งที่ 3 Usain จึงรู้สึกโล่งอกดังที่กล่าวมา เขากลายเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ของโลกที่ได้ 9 เหรียญทองจากโอลิมปิก 3 ครั้งต่อเนื่องกัน และจากกีฬาประเภทเดียวกันด้วย นับถึงปัจจุบันยังไม่มีนักกีฬาคนใดที่ทำได้เช่นเขา

          Usain ยังเป็นมนุษย์วิ่งเร็วที่สุดในโลกด้วยสถิติวิ่ง 100 เมตร ในเวลา 9.58 วินาที (ครั้งนี้เขาไม่สามารถลบสถิติเดิมของตัวเองได้ที่ทำไว้เพราะวิ่งได้ 9.81 แต่ก็เพียงพอที่จะชนะคู่แข่งคนที่สอง คือ Justin Gatlin จากสหรัฐอเมริกาผู้ได้เหรียญทองโอลิมปิก 100 เมตร ในปี 2004 ที่เอเธนส์ฃึ่งทำเวลา 9.89 วินาทีที่ Rio) ซึ่งเป็นสถิติโลกที่ยังไม่มีใครลบได้ตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา

          การชนะวิ่ง 100 เมตร ที่ Rio ของ Usain ตื่นเต้นมาก เพราะเขาออกสตาร์ทช้ากว่า Gatlin หลายก้าว เมื่อวิ่งมาได้เกินครึ่งหนึ่ง Gatlin ก็ยังนำอยู่ แต่พอถึง 40 เมตรสุดท้าย Usain ก็เร่งสปีดแซงหน้าทุกคนไปราวกับรถยนต์ติดเทอร์โบ และชนะไปอย่างสบาย ๆ หลายก้าว

          ก่อนแข่งและเมื่อชนะแล้ว Usain ก็จะแสดงท่าทางประจำตัวเขาคือเอียงตัวลงและเหยียดแขนตรงอีกข้ามชี้ขึ้นไปบนฟ้าแบบเฉียง ความหมายก็คือฟ้าแลบลงมา ซึ่งคล้องกับชื่อ Bolt ของเขา เพราะในภาษาอังกฤษ bolt of lightning หมายถึงฟ้าแลบก่อนที่จะได้ยินเสียงดังนัยยะของชื่อ Bolt คือความเร็ว

          ผู้คนอภัยให้เขาในการโชว์ออฟหน่อย ๆ เพราะตระหนักว่าการได้เหรียญทองในการวิ่ง 100 เมตรนั้นเป็นเรื่องยากเย็นมาก ๆ นักวิ่งมือดี ๆ ของโลกมาเจอกันในลู่วิ่ง 100 เมตรเพื่อชิงชัยโดยฝึกฝนกันมา 4 ปี ๆ ละ 365 วัน เพื่อมาวิ่งเพียง 9 วินาทีกว่า ๆ

          สำหรับ Bolt นั้นวิ่งมาตั้งแต่อายุ 16 ปี แข่งในทุกระดับมานับไม่ถ้วน ผิดหวังมามากมาย แต่ใจที่ต่อสู้และการมีความเพียรเป็นเลิศทำให้เขาไม่เคยท้อถอย ตอนที่ไปแข่งโอลิมปิกที่เอเธนส์ตอนอายุได้ 18 ปีนั้น เขามั่นใจมากเพราะมีสถิติที่ดี แต่เขาก็ไม่ผ่านรอบคัดเลือกวิ่ง 200 เมตร เพราะบาดเจ็บเสียก่อน

          เมื่อพ่ายแพ้จากโอลิมปิกที่เอเธนส์ในปี 2004 เขาก็ไม่ย่นย่อ อีก 4 ปีต่อมาก็ได้เหรียญทอง 100 เมตรแรกที่ปักกิ่งในปี 2008 เหรียญที่สองที่ลอนดอนในปี 2012 และเหรียญที่ 3 ในปี 2016 ที่ Rio ดังกล่าวแล้ว นับตั้งแต่เหรียญที่หนึ่งถึงการแข่งเพื่อเหรียญที่สามเป็นเวลา 8 ปีเต็มที่เขาต้องฝึกซ้อมไม่หยุดหย่อน การได้ “3 คูณ 3” มาจึงเป็นสิ่งที่ต้องลงทุนมหาศาล

          คนจาไมก้าชื่นชอบ Usain ฮีโร่ของเขาตลอดเวลา 14 ปีที่ผ่านมา เขาเป็นลูกของเจ้าของร้านชำในชนบท ในประเทศที่เป็นเกาะหนึ่งในทะเลคาริบเบียน ห่างจากคิวบา 145 กิโลเมตร มีประชากรประมาณ 3 ล้านคน มีรายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีครึ่งหนึ่งของไทย

          หลังจาก Christopher Columbus เดินทางไปทวีปอเมริกาในปี 1494 สเปนก็รู้จักและครอบครองเกาะนี้จนเสียให้แก่อังกฤษในปี 1655 ตลอดเวลาอันยาวนาน จาไมก้าเป็นแหล่งปลูกอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาลแก่ชาวโลกจนสร้างรายได้มหาศาลให้อังกฤษ ต่อมาเมื่อแรงงานไม่พอจึงใช้ทาสที่จับมาจากอาฟริกา และในทศวรรษ 1840 อังกฤษก็ใช้แรงงานเกณฑ์จีนและอินเดีย ดังนั้นในปัจจุบันชาวจาไมกาจึงมีเชื้อสายอาฟริกันปนเปกับชาติพันธุ์ต่าง ๆ จนมีลักษณะเฉพาะ

          Usain มีหน้าตาคล้อยไปทางอาฟริกัน หนัก 94 กิโลกรัมด้วยความสูงเกือบ 2 เมตร เขามีการวิ่งที่เป็นธรรมชาติราวกับลมพายุ เขาเรียนมหาวิทยาลัยในประเทศถึงแม้ตอนที่แข่งขันโอลิมปิกที่เอเธนส์ เขาจะได้รับข้อเสนอทุนการศึกษามากมายจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาเพื่อให้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ปฏิเสธหมดเพราะตั้งใจที่จะรับใช้ชาติอย่างเต็มที่

          Usain มีคู่รักคู่แค้นที่แข่งขันมาหลายครั้งคือ Justine Gatlin ผู้อื้อฉาวในการใช้ยากระตุ้นในการแข่งขัน แต่ทั้งสองไม่เป็นศัตรูกันเพราะคิดว่าความเก่งของอีกคนหนึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้อีกคนเก่งขึ้นด้วย แง่คิดนี้เป็นการมองโลกในแง่บวกที่สร้างสรรค์ตนเองอย่างน่าจดจำ

          ชื่อของ Usain จะอยู่ในใจของชาวโลกไปอีกนานเท่านาน สิ่งที่เขาได้มาทั้งหมดนั้นมาจากจิตใจที่เข้มแข็งและความบากบั่นพากเพียรโดยแท้