แค่ 31 ก็เป็นนายกได้

วรากรณ์  สามโกเศศ
28 พฤศจิกายน 2560

          “อายุเป็นเพียงตัวเลข” เคยเป็นวลีปลอบใจของผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันกลายเป็นวลีท้าทายของคนอายุน้อยไปแล้ว เพราะสองเดือนที่ผ่านมานี้โลกมีนายกรัฐมนตรีอายุเพียง 37 ปี จากนิวซีแลนด์ และ 31 ปี จากออสเตรีย ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถิติโลกปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่อาจลบล้างสถิติโลกที่อังกฤษเคยทำไว้โดยมีนายกรัฐมนตรีอายุเพียง 24 ปี เท่านั้นเมื่อกว่า 200ปีมาแล้ว

          Sebastian Kurz หนุ่มวัย 31 ปี หัวหน้าพรรค Austrian People’s Party (เรียก ย่อว่า ÖVP) ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพียง 5 เดือนก่อนเลือกตั้งใหญ่กลางเดือนตุลาคม 2017 เนื่องจากหัวหน้าพรรคคนเก่าลาออกกะทันหัน และพรรคเชื่อมั่นว่าเขาจะนำพรรคไปสู่ชัยชนะได้ที่นั่งมากที่สุดในสภาล่าง (National Council) ซึ่งมีที่นั่งรวม183 และเขาก็สามารถทำได้คือชนะ 62 ที่นั่ง

          พรรครองมาคือพรรค Social Democratic Party (SPÖ) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้าย ได้ 52 ที่นั่ง และพรรคใหญ่อีกพรรคคือ Freedom Party of Austria (FPÖ) ได้ 51 ที่นั่ง และในที่สุดในฐานะหัวหน้าพรรคที่ได้ ส.ส. มากที่สุด เขาประกาศว่าจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรค FPÖ ซึ่งเป็นพรรคขวา (จัด) ทั้งสองพรรครวมที่นั่งกันเกินกว่า 92 ซึ่งเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของ ส.ส. ในสภาล่าง Kurz จึงได้เป็นนายกรัฐมนตรี (chancellor) ของออสเตรียคนใหม่และเป็นผู้นำที่มีอายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน

          สามพรรคใหญ่มีประวัติย้อนหลังไปถึงปี 1945 หลังแพ้สงคราม ทั้งสามผลัดกันเป็นรัฐบาลเดี่ยวบ้าง ร่วมรัฐบาลกันบ้าง สลับพรรคไปมาหลายครั้งหลายหน พรรค ÖVPของ Kurtz เป็นพรรคอนุรักษ์นิยมเอียงขวา ในขณะที่ SPÖ นั้นเป็นพรรคซ้ายตามอุดมการณ์สังคมนิยม ส่วน FPÖ นั้นอยู่ทางขวาชัดเจน

          Kurtz เรียนไม่จบปริญญา เขาเรียนกฎหมายที่ University of Vienna อยู่ 7 ปี ก่อนที่จะเลิกเรียนและหันมาเล่นการเมืองโดยเป็นยุวชนของพรรค ÖVP เขาโดดเด่นในด้านสติปัญญา ความสามารถในการสื่อสาร การตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นคนที่สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ให้เกียรติคนอื่น จนเป็นคนมีเสน่ห์ ทะลุจากระดับเยาวชนขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศเมื่อมีอายุ 27 ปี และมีผลงานเป็นที่ชื่นชอบของคนออสเตรียและคนยุโรป

          เขาเป็นผู้จัดให้มีการเจรจาระหว่างนานาประเทศกับอิหร่านในเรื่องปัญหาระเบิดนิวเคลียร์ จนมีการลงนามข้อตกลงกันในปี 2015 ที่กรุงเวียนนา นอกจากนี้ก็มีบทบาทระดับ EU ในเรื่องเกี่ยวกับผู้อพยพ ผู้ก่อการร้าย สันติภาพ ฯลฯ สิ่งที่ผลักดันเขาขึ้นไปเหนือนักการเมืองสูงวัยกว่าก็คือการเป็น Wonderkid หรือ Wunderwuzzi หรือ “เด็กมหัศจรรย์” ในสายตาของสมาชิกพรรค ÖVPและประชาชนออสเตรีย ซึ่งมีจำนวนประมาณ 8.8 ล้านคน

          Kurz รีแบรนด์ พรรค ÖVP ให้เป็นพรรคฝ่ายขวาสมัยใหม่ที่ต้องการควบคุมการอพยพเข้ายุโรปครั้งใหญ่ของมุสลิมจากซีเรียและกำกับบทบาทของมุสลิมในประเทศซึ่งมีถึงกว่า 400,000 คน นโยบายของเขาโดนใจชาวออสเตรียฃึ่งมีความกังวลใจอยู่มากเนื่องจากเกรงว่าจะเกี่ยวพันกับการก่อการร้าย เขาขยับพรรคให้ออกไปทางขวามากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน เขาผลักดันกฎหมาย “Islam Act” ในปี 2015 ควบคุมการไหลของเงินจากต่างประเทศมาสร้างสุเหร่า ควบคุมมิให้กลายเป็น “อิสลามการเมือง” เขาไปไกลขนาดสนับสนุนการห้ามสตรีมุสลิมคลุมผ้า ไม่ให้เงินช่วยเหลือผู้อพยพมากเหมือนที่เคย และบังคับให้ทำงานมากกว่ารับสวัสดิการอย่างเดียว เขากล่าวว่ามุสลิมในออสเตรียควรอ่านเฉพาะคัมภีร์อัลกุรอานภาษาเยอรมันที่รัฐบาลตรวจสอบแล้วเท่านั้น

          Kurz พยายามสร้างภาพของ “ขวาใหม่” ด้วยการใช้ภาษาที่ไม่รุนแรง เพื่อเรียกร้องความนิยมข้ามพรรคจากคนทุกวัย เขาต้องการหยุดการอพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด (เขามีบทบาทสำคัญระหว่างประเทศในการปิดเส้นทางที่เรียกว่า Balkan route ที่ผู้อพยพผิดกฎหมายใช้เข้ายุโรป ในปี 2016) เขาแย่งประเด็นหาเสียงของพรรค FPÖ และเอามานำเสนอในรูปแบบที่ประชาชนทั่วไปยอมรับได้ ชนิด “ลีลาแตกต่างกันโดยน้ำยาไม่เปลี่ยนแปลง”

          มาดของ Kurz รวมทั้งหน้าตา และการพูดจา ทำให้เขาเป็นดาราเด่นของพรรค เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอยู่ 4 ปีอย่างได้รับการยอมรับอย่างมากจากเพื่อนใน EU และทั้งหมดนี้ผลักดันให้คนอายุเพียง 31 ปี ที่มีประสบการณ์และความสามารถได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในระบอบประชาธิปไตยของโลกตะวันตก

          31 ปี ถือว่ายังไม่มากถ้าเทียบกับ William Pitt The Younger (สร้อยสองคำท้ายเพื่อให้รู้ว่าเป็นผู้ลูก เพราะพ่อของเขาชื่อเดียวกันก็เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษเช่นกัน) ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย ครั้งแรกได้เป็นนายกรัฐมนตรีตอนอายุ 24 ปี (ค.ศ. 1783) โดยเป็น ส.ส. มาก่อน 2 ปี ตอนเขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นักการเมืองรุ่นเดอะหัวเราะเยาะว่าเด็กเมื่อวานซืนจะเป็นได้ กี่น้ำ แต่ปรากฏว่าเขาได้เป็นอยู่นานถึง 18 ปี (ค.ศ. 1783-1801) ฝากผลงานในช่วงเริ่มปฏิวัติอุตสาหกรรม สงครามกับนโปเลียน การบริหารงานของจักรภพอังกฤษ ฯลฯ ไว้อย่างประทับใจคนอังกฤษ สมัยที่สองเขาได้เป็นระหว่าง ค.ศ. 1804-1806 โดยเสียชีวิตในหน้าที่

          สำหรับประเทศไทย นายกรัฐมนตรีที่ได้เป็นในวัยต่ำกว่า 50 ปี ได้แก่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม (อายุ 41 ปี) พระยาพหลพลพยุหเสนา และ ดร.ปรีดี พนมยงค์ (อายุ 46 ปี) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (อายุ 44 ปี) ส่วนกรณีที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ (อายุ 51 ปี เสียชีวิตในวัย 55 ปี) อานันท์ ปันยารชุน (59 ปี) ชวน หลีกภัย (อายุ 54 ปี) และทักษิณ ชินวัตร (52 ปี)