วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
7 พฤษภาคม 2556
ถ้ามีความเชื่อมั่นว่าเด็กทุกคนสามารถพัฒนาได้ เด็กก็จะบรรลุศักยภาพของเขาได้ การมีความรู้สึกดี ๆ เกี่ยวกับตัวเขาเป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งของกระบวนการสร้างความมั่นใจของเด็กอันจะไปสู่การใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่
ผมได้ดูภาพยนตร์เก่าเรื่องหนึ่ง ชื่อ Music of the Heart (1999) ซึ่งแสดงนำโดยดารายอดนิยม Meryl Streep และรู้สึกประทับใจจนต้องขอนำมาเล่าต่อ
ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ Roberta Guaspari ซึ่งเป็น single mom ต้องเลี้ยงลูกชาย 2 คน เพราะสามีทิ้งไปหาหญิงใหม่ เธอเรียนจบดนตรีมาแต่ไม่เคยทำงานเป็นหลักแหล่งเนื่องจากต้องย้ายตามสามีซึ่งเป็นทหารเรือไปตามฐานและค่ายต่าง ๆ
สุดท้ายเธอได้งานเป็นครูผู้ช่วยสอนไวโอลินให้เด็กชั้นประถมของโรงเรียนในย่าน Harlem ของ New York City ซึ่งมีการยิงฟันกันไม่เว้นแต่ละวันเพราะเต็มไปด้วยกลุ่มชนหลีกสีที่มีปัญหา
ในตอนแรกไม่มีใครเชื่อว่าเธอจะสามารถสอนไวโอลินให้เด็กเหล่านี้ได้แต่เธอก็ทำได้สำเร็จ โดยในเวลา 10 ปี เธอสอนไปกว่า 1,400 คน พ่อแม่เด็กถามว่าจะเรียนไวโอลินไปทำไม ยังไงก็ไม่มีโอกาสเป็น Isaac Stern เธอบอกว่าเรียนไปเพื่อเด็กจะได้ “feel good about themselves” เรียนไปเพื่อจะได้รู้จักคำว่า “วินัย” รู้จักความงดงามและอ่อนโยน และรู้จักกระทำสิ่งที่มีความหมาย
ผ่านไป 10 ปี การสอนของเธอก็เกิดมีปัญหาขึ้นเพราะสำนักงานเขตการศึกษาตัดงบประมาณเพราะเห็นว่าการเรียนไวโอลินมีความสำคัญน้อย เธอจึงดิ้นรนต่อสู้ร่วมมือกับผู้ปกครองโดยมีนักไวโอลินเอกหลายคนมาช่วยจัดคอนเสริต์การกุศลระดมทุนเพื่อรักษาโครงการไว้ การแสดงจัดใน Carnegie Hall ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่แสดงในความฝันของนักดนตรีทั่วโลก สถานที่นี้ซึ่งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก สร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1891 ตลอดเวลากว่า 100 ปี มีนักดนตรีชั้นยอดของโลกจำนวนมากมายได้แสดงในสถานที่แห่งนี้
ภาพยนตร์ Music of the Heart ประสบความสำเร็จมาก Wes Craven ผู้สร้างได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์เช่นเดียวกับ Merlyn Streep ใครที่ชอบฟังเพลงคาลสิกและชอบภาพยนตร์ที่ดูจบไปแล้วยังจดจำความประทับใจและคำพูดของตัวละครได้ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชื่นชอบ Merlyn Streep
นักแสดงหญิงอัศจรรย์ผู้นี้ปัจจุบันอายุ 63 ปี ได้รางวัลออสการ์ 3 ตัว และรางวัลอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน ถือกันว่าเธอเป็นนักแสดงระดับสุดยอดคนหนึ่งของโลกในปัจจุบัน เธอจบปริญญาตรีจากวิทยาลัยมีชื่ออย่างยิ่งของโลก คือ Vassar College และจบปริญญาโทด้านการแสดงจาก Yale School of Drama ซึ่งถือว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
เธอเล่นได้หลากหลายบทและพูดได้หลายสำเนียงไม่ว่าอังกฤษเมื่อเล่นเป็น Margaret Thatcher เยอรมัน (Holocaust 1978) โปร์แลนด์ (Sophie’s Choice 1982) อิตาเลียน (The Bridges of Madison County 1995) ฯลฯ และร่วมร้องเพลง Mamma Mia ในมิวสิเคิลเรื่องนี้ด้วย
การทำงานหนักทุ่มเทฝึกฝนตนเองระหว่างการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ของเธอ (หัดเล่นไวโอลินวันละ 6 ชั่วโมง สองเดือนเต็ม) สอนให้ผู้ดูได้เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรที่สู้ความบากบั่นมานะ และเมื่อบวกกับพรสวรรค์แล้วจะเกิดผลที่ยิ่งใหญ่
ครู Roberta ในเรื่องนี้ศรัทธาในความสามารถในการพัฒนาตนเองของลูกศิษย์เธอ เธอให้ความไว้วางใจว่าเขาต้องทำได้ เธอให้ความรัก ความอ่อนโยน และความห่วงอาทร (LTC-Loving tender care) แก่ศิษย์อย่างเสมอหน้า อีกทั้งอดทนในการสอนและชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจะได้อะไรจากการเรียนไวโอลินกับเธอ (“พ่อแม่ภูมิใจ” “รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนใช้ได้” “ภูมิใจในความสามารถของตัวเอง”)
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์อาจไม่แปลกใหม่ หากคล้ายคลึงกับอีกหลายเรื่องเนื่องจากเรื่องจริงเช่นนี้เกิดขึ้นเสมอเพราะมนุษย์ทั่วโลกมีพฤติกรรมไม่ต่างกัน แต่สิ่งที่ผู้ชมได้เรียนรู้ก็คือการสอนทักษะนั้นต้องมีวิธีการและทัศนคติในการทำงานอย่างไร และดนตรีนั้นมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงคนได้อย่างไร
เธอร้องไห้คร่ำครวญเมื่อถูกทิ้ง แต่ในที่สุดก็ตัดใจได้เด็ดขาด ตั้งหลักและเดินไปข้างหน้าด้วยการทำสิ่งที่มีความหมายสำหรับตัวเธอเองและสำหรับโลก ทั้งหมดนี้เธอทำได้เพราะมี music in the heart