ระวังโรค MERS กำลังระบาด

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
22 กรกฎาคม 2557

          โรคระบาดดูจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ในปัจจุบัน ความสามารถในการเดินทางถึงกันทั่วโลกในเวลาอันสั้นมีส่วนอย่างสำคัญที่ทำให้โรคกระจายไปในบริเวณอื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ล่าสุด MERS ซึ่งมีลักษณะคล้ายโรค SARS เมื่อ 11-12 ปีก่อน กำลังถูกควบคุมให้อยู่เพราะหากช้าไปอาจนำมาซึ่งความหายนะของชาวโลกได้อย่างมหาศาล

          SARS (Severe Acute Respiratory Syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์ที่มีชื่อว่า coronavirus ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจจนอาจเสียชีวิตได้ การระบาดครั้งแรกเกิดขึ้นทางตอนใต้ของจีน มีคนป่วย 8,000 กว่ารายและตายเกือบ 800 ราย ใน 37 ประเทศโดยเฉพาะในฮ่องกง
MERS

          หรือ Middle East Respiratory Syndrome ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกในซาอุดิอาระเบียในปี 2012 ผู้ป่วยมีอาการคล้าย SARS กล่าวคือคล้ายเป็นไข้หวัด ไอ เจ็บคอ ไข้สูง ฯลฯ ไวรัสที่เป็นต้นเหตุเป็นสายพันธุ์ coronavirus เช่นกัน

          เมื่อตอนปี 2012 ที่เปิดตัวครั้งแรกมีผู้ป่วยกว่า 700 ราย ใน 20 ประเทศ และตาย 250 คน ทุกกรณีล้วนเกี่ยวพันกับซาอุดิอาระเบียทั้งสิ้น ดังนั้นจึงได้รับเกียรติที่ไม่มีใครอยากได้คือตั้งชื่อตามโรค ตามประเทศ (อาหารไทยก็เคยได้รับเกียรติเช่นนี้มาแล้ว คือวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งมีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้หลายประเทศมีปัญหาทางการเงินตามประเทศไทยซึ่งเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1997)

          การเกิดขึ้นอย่างลึกลับและรวดเร็วของ MERS ครั้งนั้นสร้างความงุนงงสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุ แต่ยังไม่ทันที่จะหาข้อสรุปได้ ก็เกิดการระบาดขึ้นมาอีกครั้งในกลางปี 2014 โดยศูนย์กลางอยู่ที่เมืองท่า Jidda บนริมฝั่งทะเลแดงใกล้กับเมือง Mecca ซึ่งมุสลิม 2-3 ล้านคนเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ เมืองสองที่รองมาในการระบาดก็คือ Riyadh เมืองหลวงของซาอุดิอาระเบีย

          ผู้อยู่ในวงการระบาดวิทยาระดับโลกต่างกังวลกับการระบาดอีกครั้งเป็นอย่างมากเนื่องจากอาจเชื่อมโยงกับคนจำนวนเป็นล้านคนที่จะกลับบ้านไปทั่วโลกหลังจากมาประกอบพิธีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเดือนตุลาคมเมื่อพิธีฮัจญ์เริ่มขึ้น อย่างไรก็ดีก็มีผู้เดินทางมาเมกกะอยู่ตลอดเวลา และ MERS ในหนนี้ได้ระบาดไปแล้วถึงอิหร่าน จอร์แดน การ์ต้า อียิปต์ คูเวต ฯลฯ ในอาเซียนก็ได้แก่ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย หรือแม้แต่อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา

          ณ ต้นเดือนมิถุนายน 2014 ตัวเลขคร่าว ๆ ของผู้ป่วย MERS รอบสองนี้ก็คือ 689 ราย ตาย 283 คน เฉพาะในซาอุดิอาระเบีย ตัวเลขในประเทศอื่น ๆ ยังไม่แน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกต้องการควบคุม MERS ให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะก่อนเดือนตุลาคม แต่การจะ “เอาอยู่” หรือไม่นั้นหนีไม่พ้นการค้นหาความจริงว่าอะไรคือสาเหตุของโรค

          สำหรับ SARS นั้นค้นหากันอย่างกว้างขวางและพอสรุปได้ว่ามาจากการบริโภคชะมดซึ่งเป็นพาหะของไวรัส คนจีนบางกลุ่มในบริเวณตอนใต้นิยมบริโภคชะมดเป็นอาหารพิเศษ (คนมีเงินในแถบเอเชียนิยมดื่มกาแฟที่นำมาจากเมล็ดกาแฟที่อยู่ในมูลของชะมด)

          เมื่อค้นหาย้อนหลังไปเพื่อตอบคำถามว่าแล้วไวรัสที่อยู่ในตัวชะมดมาจากไหน ก็พบหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามาจากค้างคาว ดังนั้นเส้นทางของ SARS ก็เริ่มจากค้างคาวสู่ชะมดและสู่มนุษย์ โดยติดกันระหว่างมนุษย์จากความใกล้ชิดของลมหายใจและการสัมผัสของเหลวจากร่างกายของคนป่วย

          เมื่อ SARS และ MERS มีที่มาจากไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน การสืบสวนสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่มาของ MERS จึงง่ายกว่ากรณีการระบาดของ SARS ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้น

          นักวิจัยพบว่าอูฐเป็นสาเหตุของ MERS และเป็นคำอธิบายว่าเหตุใด MERS จึงระบาดหนักในบริเวณที่เป็นวัฒนธรรมอิสลามซึ่งอูฐเป็นสัตว์ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของชาวบ้านในแถบนั้นมากที่สุด

          การบริโภคเนื้ออูฐและนมอูฐดิบทำให้เกิดการสัมผัสกับไวรัสที่อยู่ในตัวอูฐที่ป่วย งานศึกษาพบว่าผู้ป่วยมักเกี่ยวพันกับอูฐหรือใกล้ชิดกับผู้มีประสบการณ์ดังกล่าว และเมื่อลงไปลึกก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าค้างคาวเป็นสาเหตุเหมือน SARS

          สิ่งที่ทำให้นักระบาดวิทยาระดับโลกกังวลก็คือพฤติกรรมของบุคลากรทางการแพทย์และ คุณภาพของโรงพยาบาลของซาอุดิอาระเบีย ตลอดจนความตั้งใจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วย MERS ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการควบคุมให้อยู่หมัด

          โรงพยาบาลในซาอุดิอาระเบียดูจะเป็นแหล่งแพร่ไวรัส เพราะผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมากเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลตลอดจนบุคลากรในโรงพยาบาลเหล่านั้น

          หากตัวเลขที่เปิดเผยนี้เป็นจริง ผู้ป่วย MERS รายใหม่เริ่มมีจำนวนน้อยลง สิ่งที่พออุ่นใจก็คือถึงแม้มนุษย์จะติดเชื้อไม่ยากนักจากพาหะ แต่การแพร่ติดเชื้อจากคนสู่คนนั้นยากกว่ากรณีของ SARS

          การร่วมมือกันระหว่างประเทศในการเปิดเผยข้อมูลและความสามารถในการควบคุมโรคระบาดใหม่เป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมการระบาดออกไปในระดับโลก ในยุคที่มีโรคใหม่ ๆ ซึ่งเกิดจากไวรัส และโรคเก่าซึ่งกลับมาระบาดใหม่ดังเช่น Ebola ซึ่งน่ากลัวกว่าเป็นอันมากและกำลังระบาดอยู่ในอาฟริกาตะวันตกในขณะนี้ ความฉับพลันของการดำเนินการข้ามประเทศอย่างเป็นทีมคือหนทางของการแก้ไขปัญหา