เศรษฐีพันล้านแปรสภาพเป็นยาจก

วรากรณ์  สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
29 มีนาคม 2559

          การที่มหาเศรษฐีพันล้านไต่เต้าจากการสร้างตนเอง สามารถล้มละลาย หมดเนื้อ หมดตัวได้ในเวลา 5 ปี เป็นเรื่องน่าตื่นใจและน่าศึกษาเพื่อให้คนที่รวยน้อยกว่านั้นมากไม่เจริญรอยตามหนุ่มอายุ 40 ปี ชาวออสเตรเลียผู้นี้มีอะไรพิเศษหรือจึงทำอะไรที่น่าจะยากขนาดนั้นได้

          ชื่อของเขาคือ Nathan Tinkler บ้านเกิดอยู่ในรัฐ New South Wales เขาเรียนไม่จบมัธยมปลายและเคยเรียนบางวิชาในวิทยาลัยเทคนิค (ในสมัยนั้นเรียกว่า TAFE) เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นช่างไฟฟ้า และทำงานในเหมืองถ่านหินบริเวณนั้นพักหนึ่ง ในช่วงเวลานี้เขามีชื่อเสียงว่ามีหนี้สินแยะและไม่ยอมชำระหนี้ อย่างไรก็ดีเมื่ออายุได้ 26 ปี เขาก็ตั้งบริษัทรับจ้างดูแลรักษาเครื่องจักร

          ดวงชะตาของเขาพลิกผัน ในปี 2006 เมื่อเขากู้เงินได้ 500,000 เหรียญก็นำไปซื้อเหมืองถ่านหินในรัฐ Queensland มูลค่า 11.5 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (หน่วยเงินที่ระบุต่อไปจะเป็น สกุลนี้) แต่ในปลายปี 2007 เขาสามารถขาย ร้อยละ 70 ของหุ้นบริษัทให้บริษัท Macarthur Coal ในราคา 57 ล้านเหรียญโดยรับเป็นเงินสดบวกกับอีก 184 ล้านเหรียญในรูปของหุ้น

          หลังจากนั้นเขาก็สามารถหาสมัครพรรคพวกระดมทุนซื้อหุ้นของบริษัท Macarthur Coal ที่เขาขายเหมืองถ่านหินให้ไป ปรากฏว่าหุ้นมีราคาเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว Tinkler เห็นช่องทางรวยจริงไม่ใช่บนกระดาษ ดังนั้นในเดือนพฤษภาคม 2008 เขาจึงขายหุ้นทั้งหมดของเขาใน Macarthur Coal ไปในราคา 422 ล้านเหรียญ

          ในปี 2008 ชื่อของเขาปรากฏอยู่ในบรรดาเศรษฐีอายุน้อยสุดของออสเตรเลีย โดยมีสินทรัพย์สุทธิประมาณ 441 ล้านเหรียญ เป็นคนรวยที่สุดอันดับสองของประเทศในวัยต่ำกว่า 40 ปี

          หลังจากนั้นเขาก็ทำธุรกิจการเงินในการซื้อขายหุ้นของบริษัทถ่านหิน จนรวยขึ้นอีกมาก และในปี 2012 เขาก็ขายบ้านช่อง อพยพไปอยู่สิงคโปร์

          เงินนั้นมันต่อเงิน เมื่อมีเงินมากในธุรกิจค้าขายถ่านหินซึ่งราคาถีบตัวสูงขึ้น ทุกวัน เขาก็ยิ่งรวยยิ่งขึ้นนับพันล้านเหรียญ การรวยขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้นทำให้เกิดวิบากกรรมคือการต้องปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานะใหม่ของเขา

          เขาและครอบครัวล้มเหลวในเรื่องนี้เพราะใช้จ่ายเงินกันอย่างสนุกมือ ในปี 2010 เขาซื้อทีมออสเตรเลียฟุตบอล ชื่อ Newcastle Jets ซึ่งอยู่ใน league ชั้น A ในราคาหลายล้านเหรียญ แค่นี้ยังไม่พอเขาซื้อทีม Rugby League ชื่อ Newcastle Knights ในราคาที่สูงด้วย นอกจากนี้ยังซื้อคฤหาสน์ในฮาวาย ทรัพย์สินในที่ต่าง ๆ หลายแห่ง ตลอดจนเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ม้าแข่งราคาแพง รถสปอร์ต ฯลฯ

          ในปี 2012 ตัวเขามีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1,180 ล้านเหรียญ แต่ในเดือนกันยายนของปีเดียวกัน มูลค่าดังกล่าวเหลือเพียง 630 ล้านเหรียญเนื่องจากราคาของถ่านหินตกลงอย่างน่ากลัว สาเหตุของการตกก็คือความต้องการที่ลดน้อยลงมากอันเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง

          หลายบริษัทของ Tinkler ประสบปัญหาการเงินทันที ม้าแข่งชั้นยอดของเขาที่ต้องมีการดูแลอย่างดีขาดเงินจนต้องขายไปตอนกลางปี 2013 ในปลายปี 2012 และต้นปี 2013 การเงินก็ตึงตัวมาก ไม่มีเงินเดือนจ่ายพนักงานหลายบริษัท เจ้าหนี้ตามไล่หนี้ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของตัวเขาตกลงเหลือ 235 ล้านเหรียญ

          ตลอดปี 2014 เขาต้องใช้หนี้ด้วยการขายหุ้นและทรัพย์สิน ตลอดจนไร่ส่วนตัว แต่ก็ไม่พอกับหนี้ที่ค้างอยู่ ในเดือนกรกฎาคม 2015 ศาลออกหมายจับเขาเมื่อไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าศาลในคดีขายฟาร์มเลี้ยงม้า

          ทางการทวงหนี้ภาษีที่ค้างชำระอยู่ 6.4 ล้านเหรียญ และเริ่มกระบวนการล้มละลายเนื่องจากมีหนี้สินล้นพ้นตัว แค่นี้ยังไม่พอเขาถูกสอบสวนในเรื่องคอรัปชั่นโดยจ่ายเงินติดสินบนนักการเมืองของรัฐ New South Wales เพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มบริษัทเขา

          ในต้นเดือนมีนาคม 2016 ศาลตัดสินให้เขาเป็นบุคคลล้มละลายอันเนื่องมาจากหนี้มูลค่า 2.25 ล้านเหรียญที่ค้างจากการซื้อเครื่องบินเจ็ต ซึ่งเขาไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้หลังจากชำระหนี้ไปบ้างแล้วของหลายบริษัทในจำนวนทั้งหมด 50 กว่าบริษัท

          อย่างไรก็ดีสื่อรายงานว่าเขาอาจเล่นกล แอบซ่อนทรัพย์สมบัติไว้อีกมาก (“ล้มบนฟูก”ในขอบเขตหนึ่ง) เพราะคฤหาสน์ที่ฮาวายในชื่อของภรรยาเขาตลอดจนสมบัติอีกหลายชิ้นก็ยังคงอยู่ ทรัพย์สินแอบซ่อนมีอยู่จริงหรือไม่เป็นเรื่องที่ต้องสืบหาและฟ้องร้องกันตามกฎหมาย แต่ที่แน่นอนก็คือเขามีเงินน้อยกว่าเก่ามากมาย ความมั่งคั่งสูญหายไปเกือบทั้งหมด ไม่นับชื่อเสียงที่แทบไม่มีอะไรเหลือ

          คำถามก็คือเศรษฐีพันล้านตกสวรรค์ได้อย่างไรในเวลาไม่กี่ปี คำตอบอาจเป็นว่า (ก) ความโลภที่ไม่สิ้นสุดโดยกล้าเสี่ยงเพื่อรวยยิ่งขึ้นต่อไป (ข) ใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวัง และ

          (ค) ประมาทโดยไม่เชื่อว่าถ่านหินจะมีราคาตกลงมาก

          ถ้าแม้น Tinkler ไม่สุ่มเสี่ยงมากเกินไปหลังจากที่รวยขึ้นมากแล้วโดยขยายธุรกิจอย่างเหมาะสม (เขาผู้ไม่ใช้หลักคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” คงบอกว่าเหมาะสมแล้ว) ถึงแม้ราคาจะผันผวนก็คงไม่กระทบเขามากมาย และถ้าเขาไม่ใช้จ่ายเงินอย่างสนุกสนานเกินไปแล้ว ยอดหนี้และรายจ่ายก็คงไม่สูงเกินไป และอาจรับมือกับการตกของราคา

          ถ่านหินได้ แต่เมื่อสุดสวิงไปทั้งสองทางคือการพยายามหารายได้เพิ่มขึ้นและการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เมื่อเกิดการสะดุดขึ้นก็ขาดเงินสดและนำไปสู่ปัญหาที่ตามมาอีกมากมาย

          “ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย” เป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากประมาทในเรื่องเงินทองซึ่งมองเห็นไม่ชัดเหมือนขับรถเร็วแล้ว ความพินาศก็สามารถมาเยือนได้เร็วกว่าที่คาดคิด