วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
22 กันยายน 2558
เมื่อไม่มีใครอยากตาย มนุษย์จึงพยายามดิ้นรนหลีกเลี่ยงแต่ก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จสักคน อย่างดีที่ทำได้ก็คือยืดอายุออกไปให้ยาวที่สุด ปัจจุบันงานศึกษาทางการแพทย์พบความจริงบางอย่างที่ช่วยทำให้มีโอกาสตายช้าลง (ข้อมูลสำหรับข้อเขียนมาจากโครงร่างการบรรยายของศาสตราจารย์ นายแพทย์ประกิต วาทีสาธกกิจ)
NCD หรือ Non-communicable diseases คือโรคที่มิได้มาจากการติดเชื้อ หรือจากการติดต่อ หากเป็นโรคที่เป็นเรื้อรังหรือสั้น ๆ ก็ได้ อาจเสียชีวิตลงได้ทันที่ในบางโอกาส หรือตายอย่างช้า ๆ ก็ได้ทั้งนั้น เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง สโตรก เบาหวาน โรคไตอย่างเรื้อรัง อัลไซเมอร์ ฯลฯ
NCD เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของชาวโลก ในปี 2012 NCD เป็นสาเหตุของการตายของชาวโลกร้อยละ 68 (38 ล้านคนเสียชีวิต) โดยเพิ่มจากร้อยละ 60 ในปี 2000
ในทุกทวีปยกเว้นอาฟริกา NCD เป็นสาเหตุหลักทั้งสิ้น ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2008 ในจำนวนการตายประมาณ 14 ล้านคน ประมาณ 6 ล้านคน เสียชีวิตด้วย NCD
โดยทั่วไป 4 โรคหลัก คือ โรคเบาหวาน โรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ รวมกันเป็นสาเหตุหลักของการตายจาก NCD
สำหรับประเทศไทย โดยเฉลี่ยมีคนเสียชีวิตประมาณปีละกว่า 400,000 คน ประมาณครึ่งหนึ่งเสียชีวิตจาก NCD และในจำนวนนี้ประมาณร้อยละ 27 เสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปี สิ่งที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการเป็น NCD เรียงลำดับความสำคัญ ได้แก่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ความอ้วน และการเนื่อยนิ่ง (การขาด physical activity)
ในปี 2011 ในการประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ (UN General Assembly) ที่เรียกว่า High-Level Meeting on NCD’s Prevention & Control ได้ข้อสรุปหนึ่งที่น่าสนใจโดยมีชื่อว่า 4-4-80
สูตร4-4-80 หมายถึงว่า 4 ปัจจัยเสี่ยงร่วมกันก่อให้เกิด 4 โรคใหญ่ของ NCD ซึ่งเป็น ตัวอธิบายร้อยละ 80 ของการตายจาก NCD ทั้งหมด
ขยายความเพิ่มเติมได้ว่า 4 ปัจจัยเสี่ยงอันได้แก่การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (อย่างเป็นอันตราย) การใช้ยาสูบ การบริโภคอาหารอย่างไม่เหมาะสม และการเนื่อยนิ่ง หากเกิดร่วมกันในบุคคลหนึ่งจะก่อให้เกิด 4 โรคใหญ่ของ NCD คือโรคเบาหวาน โรคทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง และโรคหัวใจ อันนำไปสู่การเสียชีวิตกว่าร้อยละ 80 ของการตายจาก NCD ทั้งหมด
เมื่อ NCD อธิบายร้อยละ 68 ของการตายของชาวโลกก็หมายความว่าประมาณร้อยละ 54.4 (68 x 80) ของการตายทั้งหมดในโลกในแต่ละปีเกิดจาก 4 โรคใหญ่นี้ ซึ่งมีสาเหตุจาก 4 สาเหตุหลัก ซึ่งทั้งหมดอาจปรับแก้ไขได้โดยเจ้าของร่างทั้งสิ้น
ที่กล่าวมานี้สรุปได้ว่าประมาณร้อยละ 54 ของการตายทั้งหมดของชาวโลกมาจาก 4 สาเหตุ ซึ่งได้แก่ แอลกอฮอล์ ยาสูบ อาหารไม่เหมาะสม และการเนื่อยนิ่ง เฉพาะอาหารไม่เหมาะสมเท่านั้นที่อาจเป็นสิ่งที่ปรับแก้ไขไม่ได้ เช่น ความยากจนทำให้ขาดอาหารที่เหมาะสม แต่ที่เหลืออีก 3 สาเหตุนั้นล้วนปรับแก้ไขได้ทั้งสิ้น กล่าวคือหลีกเลี่ยงเหล้า ยาสูบ และชีวิตที่ เนื่อยนิ่ง
สำหรับคนที่มีอันจะกินอาจกล่าวได้ว่าสามารถแก้ไขเพื่อหลีกหนีความเสี่ยงอันเกิดจาก 4 สาเหตุได้ทั้งหมดเพียงแต่ลดดีกรีความมีอัน “จะกิน” ลง
บ่อยครั้งที่ความมีอันจะกินนำไปสู่เหล้า ยาสูบ และบริโภคอาหารมากเกินไปจนเกิดความอ้วนซึ่งนำไปสู่โรคเบาหวานประเภท II (มิได้เป็นโรคนี้มาแต่กำเนิด) และหากเติมความเนื่อยนิ่งเข้าไปด้วยแล้วก็เรียกได้ว่าครบสูตร กล่าวคือมีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของสถิติตายร้อยละ 80 ค่อนข้างสูง
ปัจจุบันเรามักไม่ค่อยได้ยินคำแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ต่ออาทิตย์ เนื่องจากงานศึกษาหลายชิ้นพบว่าการมีชีวิตที่คึกคักกระฉับกระเฉง เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอด้วยการเดินเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และอาจทดแทนการออกกำลังกายดังกล่าวได้พอควร
เมื่อการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ยากสำหรับคนทั่วไปในขณะที่การมีชีวิตที่ไม่เนื่อยนิ่งนั้นกระทำได้ง่ายกว่า ดังนั้นจึงได้กลายเป็นข้อแนะนำไป (ใครจะเอา 4-4-80 ไปแทงหวย ผมไม่ว่าอะไรขอเพียงเดินไปสัก 3 กิโลเมตรเพื่อไปแทงแล้วกัน)
การลดอัตราการเสียชีวิตกระทำได้ด้วยการส่งเสริมการลดละเลิกแอลกอฮอล์และยาสูบ การบริโภคอาหารอย่างเหมาะสมและมีชีวิตที่ไม่เนื่อยนิ่งซึ่งมีส่วนช่วยให้ค่าใช้จ่ายของสังคมต่ำกว่าการรักษาพยาบาลหลังจากที่เป็น NCD แล้วเป็นอันมาก
“การรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดคือการไม่เจ็บป่วย” การทุ่มเททรัพยากรเพื่อการป้องกันโรคจึงเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมสำหรับการสร้างสรรค์สังคมที่เป็นสุขด้วยต้นทุนที่ต่ำ
ชีวิตคือการเลือก เราทุกคนเลือกแบบแผนการใช้ชีวิตได้อย่างเสรี แต่ต้องไม่ลืมผลหรือราคาที่ตามมาก็แล้วกัน
ถึงจะรอดจาก NCD แต่ก็มีโอกาสเสียชีวิตจากเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่การเจ็บป่วย รวมทั้งเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อและโรคติดต่อต่าง ๆ ดังนั้นการหลีกเลี่ยง 4 ปัจจัยนี้จึงเป็นเพียงวิธีการในการลดความเป็นไปได้ในการเสียชีวิตลงเท่านั้นเอง
โอกาสตายมีอยู่รอบตัว ถ้าตัดความเสี่ยงจาก NCD ลงไปได้บ้างก็ถือได้ว่าเป็นหนทางที่น่าเดินแล้ว