วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
31 พฤษภาคม 2559

ฟิลิปปินส์มีประธานาธิบดีคนใหม่ที่เป็น “ม้ามืด” แบบ “ไม่มืด” และมีลักษณะประจำตัวที่แตกต่างจากคนในระดับผู้นำอื่น ๆ ค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่นบอกว่าหากได้เป็นประธานาธิบดีจะฆ่า โจรที่ปล้นฆ่า ผู้ค้ายา อาชญากรฆ่าข่มขืน ฯลฯ ประมาณ 100,000 คน และจะเอาศพโยนลง อ่าวมะนิลา และฝากบอกไปถึงคนเหล่านี้ด้วยว่าระวังให้ดี จะโดนฆ่าแน่ ๆ ยังมีที่ดุเดือดเผ็ดมันมากกว่านี้อีก
ชื่อของเขาคือ Rodrigo Duterte โดยผู้คนเรียกชื่อเล่นทางการเมืองของเขาว่า Digong และล่าสุดสื่อตั้งชื่อให้เขาใหม่ว่า “Duterte Harry” ในอดีตสื่อต่างประเทศในปี 2002 ตั้งชื่อเขาว่า “The Punisher” (นักปราบ) ชื่อดุเช่นนี้มีความเป็นมาและมีส่วนอย่างสำคัญกับการได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนร้อยละ 39 โดยคนที่รองลงไปได้คะแนนร้อยละ 23 เท่านั้น
Digong เป็นนายกเทศมนตรีของ Davao City ในเกาะมินดาเนา เมืองนี้มีประชากรประมาณ 500,000 คน เขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีติดต่อกันมา 22 ปี จากเมืองที่มีอาชญากรรมชุกชุมจนถือกันว่าเป็นเมืองอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เขาทำให้กลายเป็นเมืองปลอดภัยที่สุดของโลก
วิธีการของเขาก็คือ “วิสามัญฆาตกรรม” บรรดาโจรทั้งหลายไปเรียบด้วยหน่วยกิจกรรมพิเศษของเขา องค์กรต่างประเทศประมาณว่าเขาสั่งฆ่าไป 700 คน แต่เขาบอกว่าตัวเลขจริงคือ 1,700 คน นอกจากใช้วิธีที่ผิดกฎหมายแต่ไม่มีใครขัดขวางเพราะเห็นดีเห็นชอบด้วยแล้ว เขาห้ามดื่มเหล้านอกบ้านหลังเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 ห้ามพ่อแม่ปล่อยวัยรุ่นออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่ม บังคับให้ติดกล้องซีซีทีวีทุกแห่ง ห้ามปรามการพนัน ปราบปรามการเสพยา สร้างงาน ฯลฯ เรียกได้ว่าทำทุกอย่างจนอาชญากรรมลดหายไป
ประชาชนชอบใจเพราะเขาไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะโดยนิสัยเขาเป็นคนออกนักเลงอยู่แล้ว ตอนเป็นเด็กถูกไล่ออกจากโรงเรียนถึง 2 ครั้ง และแม้แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็ถูกห้ามเข้าพิธีรับปริญญาเพราะไปยิงเพื่อนที่พูดจาดูถูก
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับเลือกก็คือผลงานเก่าและความสามารถในการหาเสียง ซึ่งกติกากำหนดให้หาเสียงกันได้นานถึงเกือบ 5 เดือน เมื่อตอนต้นการหาเสียง Duterte หรือ Duterte Harry (ชื่อที่สื่อเรียกเพราะเขาสั่งฆ่าโดยไม่ต้องให้ลำบากขึ้นศาลเหมือนพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง Dirty Harry เมื่อหลายปีก่อน) มีคะแนนนิยมน้อยมาก ตัวเก็งคือ Grace Poe (ลูกสาวของนักอ่านข่าวดังในโทรทัศน์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเกือบได้เป็นประธานาธิบดี) กับ Manuel Roxas (หลานปู่ของประธานาธิบดีคนแรกของฟิลิปปินส์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และทายาททางการเมืองของประธานาธิบดี Aquino คนปัจจุบันที่ลงสมัครอีกไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นได้วาระเดียว)
คะแนนเสียงเขาดีขึ้นเป็นลำดับจนแซงสองคนไปอย่างขาดลอย ชื่อเสียงของการเป็นคน เอาจริง ไม่กลัวใคร มีผลงานปราบอาชญากรรม ไม่ใช่ลูกหลานของครอบครัวเศรษฐีที่ครองอำนาจการเมืองกันมายาวนานในประเทศนี้ ฯลฯ และเหนือสิ่งอื่นใด เขาพูดหาเสียงได้ตื่นตาตื่นใจ เล่าเรื่องตลกให้ผู้คนได้หัวเราะ มีคำพูดที่โดนใจ กล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัว ถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ ๆ แต่เขาก็บอกถึงความตั้งใจที่จะปราบความยากจน ปราบคอรัปชั่น ลดความเหลื่อมล้ำของโอกาส ที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกถึงความจริงใจ และในที่สุดประชาชนก็เชื่อเขาถึงแม้เขาจะพูดจาหลายเรื่องที่ฟังไม่ได้ แต่ก็หลุดออกมาจากปากเพราะความมันส์ของการพูด
เขาพูดเชิงตลกถึงกรณีข่มขืนและฆ่านักสอนศาสนาชาวออสเตรเลียในปี 1988 ว่าที่จริงแล้วน่าจะให้นายกเทศมนตรีคือเขาเป็นคนลงมือคนแรกเพราะเธอหน้าตาดี นอกจากนี้ก็ยังวิจารณ์สันตะปาปาที่มาเยือนฟิลิปปินส์ว่าเป็นต้นเหตุทำให้รถติด การพูดที่เกินเลยเช่นนี้ทำให้เขาต้องออกมาขอโทษขอโพย
Duterte เล่าว่าสมัยเขาเป็นเด็ก เขาถูกพระละเมิดทางเพศ (เขากล้าระบุชื่อพระด้วยเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนจริง) เขารับว่าเป็นคนเจ้าชู้มีหญิงและลูกหลายคน ถึงตอนแต่งงานแล้วก็วุ่นวายเรื่องผู้หญิงไม่หยุดจนต้องเลิกกับภรรยา ในขณะที่เขาหาเสียงในวัย 71 ปีเขามีสถานะเป็นโสด แต่ก็มีภรรยาและลูกนอกสมรส
ภรรยาคนแรกเคยเป็นแอร์โฮสเตส มีเชื้อสายเยอรมัน แต่งงานกัน 25 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ต่อมาอยู่กินกับพยาบาลและมีลูกสาวเป็นวัยรุ่นหนึ่งคน เขามีหลานทั้งหมด 8 คน ครึ่งหนึ่งเป็นมุสลิม และอีกครั้งหนึ่งเป็นคริสเตียน
ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตเป็นคริสตัง (โรมันแคทอลิก) แต่ก็ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา ไม่เคยเข้าโบสถ์มานานแล้ว ในเรื่องสุขภาพเขาบอกว่าทนทุกข์ทรมานจาก Buerger’s Disease ซึ่งทำให้เส้นเลือดที่แขนขาอักเสบซึ่งเชื่อว่านิสัยสูบบุหรี่ที่เรื้อรังมานานมีส่วนเป็นสาเหตุสำคัญ แต่เขาปฏิเสธข่าวลือว่าเป็นมะเร็งในลำคอในระยะแรก (การเปิดเผยเช่นนี้ประชาชนเห็นว่าเป็นความจริงใจ กล้าเปิดเผยสิ่งไม่ถูกต้องที่ตนกระทำ ตลอดจนเรื่องส่วนตัวอย่างแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น ๆ)
ดูเผิน ๆ Duterte อาจเป็นที่น่ารังเกียจของผู้หญิงจำนวนหนึ่ง แต่ผลงานที่เขาได้ทำไว้ชี้ชัดว่าเขาให้ความเคารพสิทธิสตรี เขาเป็นเจ้าภาพหลักของ Beijing Women’s Conference ในปี 1995 จน Hillary Clinton ขอบคุณเขาบนเวที เขาสนับสนุนสิทธิของผู้หญิงในเมืองที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี อีกทั้งเป็นผู้สนับสนุนสิทธิของผู้มีเพศสภาพและเพศกำเนิดไม่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง เขาเห็นด้วยกับการอนุญาตให้แต่งงานกันได้
Duterte เป็นนักกฎหมาย จบจาก 2 มหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงโดดเด่น แต่ด้วยความฉลาด การทำงานชนิดถึงลูกถึงคน (เขาขี่มอเตอร์ไซต์ตรวจงาน ตามโรงพักและหน่วยงานปราบอาชญากรรมในเวลาวิกาลอยู่สม่ำเสมอจนเป็นที่เลื่องลือในความเอาใจใส่และความรับผิดชอบ)
เขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นแบบโบราณ (ถึงแม้จะเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีผลงานเด่นชัด) ผู้สร้างความประทับใจในเรื่องความปลอดภัย ความมีขื่อมีแปของบ้านเมืองให้ประชาชนในท้องถิ่น และด้วยผลงานนี้ประชาชนฟิลิปปินส์จึงเชื่อใจว่าเขาจะทำได้อีกครั้งในระดับชาติ
งานในระดับประธานาธิบดีไม่ได้เกี่ยวพันแต่เฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หากครอบคลุมไปถึงเรื่องระดับชาติ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความมั่นคง ฯลฯ เราคงต้องดูกันต่อไปว่านายกเทศมนตรีจากเมืองเล็ก ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ดีเพียงใด