จาก “นายกเทศมนตรี” สู่ “ประธานาธิบดี”

วรากรณ์ สามโกเศศ
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
31 พฤษภาคม 2559 

FILE – In this Wednesday, Dec. 20, 2017, file photo, Philippine President Rodrigo Duterte addresses the troops during the 82nd anniversary celebration of the Armed Forces of the Philippines in suburban Quezon city northeast of Manila, Philippines. Human rights groups say the Philippine president’s recent remarks about troops shooting female communist rebels in the genitals to render them “useless” can encourage sexual violence and war crimes. (AP Photo/Bullit Marquez, File)

          ฟิลิปปินส์มีประธานาธิบดีคนใหม่ที่เป็น “ม้ามืด” แบบ “ไม่มืด” และมีลักษณะประจำตัวที่แตกต่างจากคนในระดับผู้นำอื่น ๆ ค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่นบอกว่าหากได้เป็นประธานาธิบดีจะฆ่า โจรที่ปล้นฆ่า ผู้ค้ายา อาชญากรฆ่าข่มขืน ฯลฯ ประมาณ 100,000 คน และจะเอาศพโยนลง อ่าวมะนิลา และฝากบอกไปถึงคนเหล่านี้ด้วยว่าระวังให้ดี จะโดนฆ่าแน่ ๆ ยังมีที่ดุเดือดเผ็ดมันมากกว่านี้อีก

          ชื่อของเขาคือ Rodrigo Duterte โดยผู้คนเรียกชื่อเล่นทางการเมืองของเขาว่า Digong และล่าสุดสื่อตั้งชื่อให้เขาใหม่ว่า “Duterte Harry” ในอดีตสื่อต่างประเทศในปี 2002 ตั้งชื่อเขาว่า “The Punisher” (นักปราบ) ชื่อดุเช่นนี้มีความเป็นมาและมีส่วนอย่างสำคัญกับการได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีด้วยคะแนนร้อยละ 39 โดยคนที่รองลงไปได้คะแนนร้อยละ 23 เท่านั้น

          Digong เป็นนายกเทศมนตรีของ Davao City ในเกาะมินดาเนา เมืองนี้มีประชากรประมาณ 500,000 คน เขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีติดต่อกันมา 22 ปี จากเมืองที่มีอาชญากรรมชุกชุมจนถือกันว่าเป็นเมืองอันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เขาทำให้กลายเป็นเมืองปลอดภัยที่สุดของโลก

          วิธีการของเขาก็คือ “วิสามัญฆาตกรรม” บรรดาโจรทั้งหลายไปเรียบด้วยหน่วยกิจกรรมพิเศษของเขา องค์กรต่างประเทศประมาณว่าเขาสั่งฆ่าไป 700 คน แต่เขาบอกว่าตัวเลขจริงคือ 1,700 คน นอกจากใช้วิธีที่ผิดกฎหมายแต่ไม่มีใครขัดขวางเพราะเห็นดีเห็นชอบด้วยแล้ว เขาห้ามดื่มเหล้านอกบ้านหลังเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 ห้ามพ่อแม่ปล่อยวัยรุ่นออกนอกบ้านหลัง 4 ทุ่ม บังคับให้ติดกล้องซีซีทีวีทุกแห่ง ห้ามปรามการพนัน ปราบปรามการเสพยา สร้างงาน ฯลฯ เรียกได้ว่าทำทุกอย่างจนอาชญากรรมลดหายไป

          ประชาชนชอบใจเพราะเขาไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะโดยนิสัยเขาเป็นคนออกนักเลงอยู่แล้ว ตอนเป็นเด็กถูกไล่ออกจากโรงเรียนถึง 2 ครั้ง และแม้แต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็ถูกห้ามเข้าพิธีรับปริญญาเพราะไปยิงเพื่อนที่พูดจาดูถูก

          ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาได้รับเลือกก็คือผลงานเก่าและความสามารถในการหาเสียง ซึ่งกติกากำหนดให้หาเสียงกันได้นานถึงเกือบ 5 เดือน เมื่อตอนต้นการหาเสียง Duterte หรือ Duterte Harry (ชื่อที่สื่อเรียกเพราะเขาสั่งฆ่าโดยไม่ต้องให้ลำบากขึ้นศาลเหมือนพระเอกในภาพยนตร์เรื่อง Dirty Harry เมื่อหลายปีก่อน) มีคะแนนนิยมน้อยมาก ตัวเก็งคือ Grace Poe (ลูกสาวของนักอ่านข่าวดังในโทรทัศน์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเกือบได้เป็นประธานาธิบดี) กับ Manuel Roxas (หลานปู่ของประธานาธิบดีคนแรกของฟิลิปปินส์ อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และทายาททางการเมืองของประธานาธิบดี Aquino คนปัจจุบันที่ลงสมัครอีกไม่ได้เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นได้วาระเดียว)

          คะแนนเสียงเขาดีขึ้นเป็นลำดับจนแซงสองคนไปอย่างขาดลอย ชื่อเสียงของการเป็นคน เอาจริง ไม่กลัวใคร มีผลงานปราบอาชญากรรม ไม่ใช่ลูกหลานของครอบครัวเศรษฐีที่ครองอำนาจการเมืองกันมายาวนานในประเทศนี้ ฯลฯ และเหนือสิ่งอื่นใด เขาพูดหาเสียงได้ตื่นตาตื่นใจ เล่าเรื่องตลกให้ผู้คนได้หัวเราะ มีคำพูดที่โดนใจ กล้าเปิดเผยเรื่องส่วนตัว ถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงนโยบายต่างประเทศที่สำคัญ ๆ แต่เขาก็บอกถึงความตั้งใจที่จะปราบความยากจน ปราบคอรัปชั่น ลดความเหลื่อมล้ำของโอกาส ที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกถึงความจริงใจ และในที่สุดประชาชนก็เชื่อเขาถึงแม้เขาจะพูดจาหลายเรื่องที่ฟังไม่ได้ แต่ก็หลุดออกมาจากปากเพราะความมันส์ของการพูด

          เขาพูดเชิงตลกถึงกรณีข่มขืนและฆ่านักสอนศาสนาชาวออสเตรเลียในปี 1988 ว่าที่จริงแล้วน่าจะให้นายกเทศมนตรีคือเขาเป็นคนลงมือคนแรกเพราะเธอหน้าตาดี นอกจากนี้ก็ยังวิจารณ์สันตะปาปาที่มาเยือนฟิลิปปินส์ว่าเป็นต้นเหตุทำให้รถติด การพูดที่เกินเลยเช่นนี้ทำให้เขาต้องออกมาขอโทษขอโพย

          Duterte เล่าว่าสมัยเขาเป็นเด็ก เขาถูกพระละเมิดทางเพศ (เขากล้าระบุชื่อพระด้วยเพื่อให้เห็นว่าเป็นคนจริง) เขารับว่าเป็นคนเจ้าชู้มีหญิงและลูกหลายคน ถึงตอนแต่งงานแล้วก็วุ่นวายเรื่องผู้หญิงไม่หยุดจนต้องเลิกกับภรรยา ในขณะที่เขาหาเสียงในวัย 71 ปีเขามีสถานะเป็นโสด แต่ก็มีภรรยาและลูกนอกสมรส

          ภรรยาคนแรกเคยเป็นแอร์โฮสเตส มีเชื้อสายเยอรมัน แต่งงานกัน 25 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน ต่อมาอยู่กินกับพยาบาลและมีลูกสาวเป็นวัยรุ่นหนึ่งคน เขามีหลานทั้งหมด 8 คน ครึ่งหนึ่งเป็นมุสลิม และอีกครั้งหนึ่งเป็นคริสเตียน

          ถึงแม้ว่าเขาจะเติบโตเป็นคริสตัง (โรมันแคทอลิก) แต่ก็ไม่ใช่คนเคร่งศาสนา ไม่เคยเข้าโบสถ์มานานแล้ว ในเรื่องสุขภาพเขาบอกว่าทนทุกข์ทรมานจาก Buerger’s Disease ซึ่งทำให้เส้นเลือดที่แขนขาอักเสบซึ่งเชื่อว่านิสัยสูบบุหรี่ที่เรื้อรังมานานมีส่วนเป็นสาเหตุสำคัญ แต่เขาปฏิเสธข่าวลือว่าเป็นมะเร็งในลำคอในระยะแรก (การเปิดเผยเช่นนี้ประชาชนเห็นว่าเป็นความจริงใจ กล้าเปิดเผยสิ่งไม่ถูกต้องที่ตนกระทำ ตลอดจนเรื่องส่วนตัวอย่างแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่น ๆ)

          ดูเผิน ๆ Duterte อาจเป็นที่น่ารังเกียจของผู้หญิงจำนวนหนึ่ง แต่ผลงานที่เขาได้ทำไว้ชี้ชัดว่าเขาให้ความเคารพสิทธิสตรี เขาเป็นเจ้าภาพหลักของ Beijing Women’s Conference ในปี 1995 จน Hillary Clinton ขอบคุณเขาบนเวที เขาสนับสนุนสิทธิของผู้หญิงในเมืองที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี อีกทั้งเป็นผู้สนับสนุนสิทธิของผู้มีเพศสภาพและเพศกำเนิดไม่ตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นชายรักชาย หรือหญิงรักหญิง เขาเห็นด้วยกับการอนุญาตให้แต่งงานกันได้

          Duterte เป็นนักกฎหมาย จบจาก 2 มหาวิทยาลัยเล็ก ๆ ที่ไม่มีชื่อเสียงโดดเด่น แต่ด้วยความฉลาด การทำงานชนิดถึงลูกถึงคน (เขาขี่มอเตอร์ไซต์ตรวจงาน ตามโรงพักและหน่วยงานปราบอาชญากรรมในเวลาวิกาลอยู่สม่ำเสมอจนเป็นที่เลื่องลือในความเอาใจใส่และความรับผิดชอบ)

          เขาเป็นนักการเมืองท้องถิ่นแบบโบราณ (ถึงแม้จะเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่มีผลงานเด่นชัด) ผู้สร้างความประทับใจในเรื่องความปลอดภัย ความมีขื่อมีแปของบ้านเมืองให้ประชาชนในท้องถิ่น และด้วยผลงานนี้ประชาชนฟิลิปปินส์จึงเชื่อใจว่าเขาจะทำได้อีกครั้งในระดับชาติ

          งานในระดับประธานาธิบดีไม่ได้เกี่ยวพันแต่เฉพาะเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หากครอบคลุมไปถึงเรื่องระดับชาติ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ความมั่นคง ฯลฯ เราคงต้องดูกันต่อไปว่านายกเทศมนตรีจากเมืองเล็ก ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีได้ดีเพียงใด